ประกันรถยนต์ นับเป็นสิ่งที่สำคัญและจำเป็นสำหรับผู้ขับขี่รถยนต์ในปัจจุบันไปแล้ว เพราะว่าช่วยให้ความคุ้มครองต่อความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นต่อชีวิตและร่างกายของผู้ขับขี่ ผู้โดยสาร และบุคคลภายนอก รวมถึงยังคุ้มครองความเสียหายที่เกิดขึ้นกับรถยนต์คันเอาประกัน อันเนื่องมาจากอุบัติเหตุหรือเหตุฉุกเฉินต่างๆ เช่น รถหาย ไฟไหม้รถ เป็นต้น แต่ทว่า ประกันรถยนต์ นั้นก็มีรายละเอียดต่างๆ มากมายที่ใครหลายคนอาจยังไม่เคยรู้มาก่อน วันนี้ masii เลยได้รวบรวม 10 คำถามยอดฮิต เกี่ยวกับ ประกันรถยนต์ มาฝากกัน ไปดูกันเลยว่ามีอะไรบ้าง
10 คำถามยอดฮิต เกี่ยวกับ ประกันรถยนต์
1. ประกันรถยนต์ชั้น 1 คุ้มครองอะไรบ้าง
- คุ้มครองความเสียหายต่อชีวิต ร่างกาย และอนามัยของผู้เอาประกันและคู่กรณี
- คุ้มครองความเสียหายต่อรถยนต์และทรัพย์สินของผู้เอาประกันและคู่กรณี
- คุ้มครองรถยนต์คันเอาประกัน แม้เกิดอุบัติเหตุแบบไม่มีคู่กรณี เช่น ขับรถชนเสาไฟฟ้า หินดีด กระจกร้าว ยางแตก รถพลิกคว่ำ ตกถนน เป็นต้น
- คุ้มครองค่ารักษาพยาบาล และเงินชดเชยอุบัติเหตุส่วนบุคคลของผู้เอาประกัน และผู้โดยสาร
- คุ้มครองกรณีรถหาย ไฟไหม้ หรือน้ำท่วม
- คุ้มครองเงินประกันตัวผู้ขับขี่ในคดีอาญา
อ่านเพิ่มเติม >> ประกันรถยนต์ชั้น 1 เหมาะกับใครบ้าง
2. ประกันรถยนต์ชั้น 2+ คุ้มครองอะไรบ้าง
- คุ้มครองความเสียหายที่เกิดขึ้นต่อชีวิต ร่างกาย และทรัพย์สินของคู่กรณี
- คุ้มครองความเสียหายที่เกิดขึ้นต่อรถยนต์ของผู้เอาประกัน ในกรณีรถชนรถและต้องมีคู่กรณีเท่านั้น เช่น ชนกับรถยนต์ รถกระบะ รถมอเตอร์ไซค์ รถบรรทุก เป็นต้น
- คุ้มครองค่ารักษาพยาบาล และเงินชดเชยอุบัติเหตุส่วนบุคคลของผู้เอาประกัน และผู้โดยสาร
- คุ้มครองกรณี รถหาย ไฟไหม้รถ และน้ำท่วมรถ (บางกรมธรรม์)
- คุ้มครองเงินประกันตัวผู้ขับขี่ในคดีอาญา
อ่านเพิ่มเติม >> ประกันรถยนต์ชั้น 2+ เหมาะกับใครบ้าง
3. ประกันรถยนต์ชั้น 3+ คุ้มครองอะไรบ้าง
- คุ้มครองความเสียหายที่เกิดขึ้นต่อชีวิต ร่างกาย และทรัพย์สินของคู่กรณี
- คุ้มครองความเสียหายที่เกิดขึ้นต่อรถยนต์ของผู้เอาประกัน ในกรณีรถชนรถและต้องมีคู่กรณีเท่านั้น เช่น ชนกับรถยนต์ รถกระบะ รถมอเตอร์ไซค์ รถบรรทุก เป็นต้น
- คุ้มครองค่ารักษาพยาบาล และเงินชดเชยอุบัติเหตุส่วนบุคคลของผู้เอาประกัน และผู้โดยสาร
- คุ้มครองเงินประกันตัวผู้ขับขี่ในคดีอาญา
- ไม่คุ้มครองกรณีรถหาย ไฟไหม้รถ หรือน้ำท่วมรถ
อ่านเพิ่มเติม >> ประกันรถยนต์ชั้น 3+ เหมาะกับใครบ้าง
4. ประกันรถยนต์ไม่คุ้มครอง กรณีใดบ้าง
- เมาแล้วขับ
- ขับรถแข่งความเร็ว
- ไม่ได้ทำใบขับขี่
- นำรถยนต์ไปใช้ในทางผิดกฎหมาย
- ความเสียหายที่เกิดจากการใช้งานหนัก หรือ รถเสื่อมสภาพตามอายุ
- ขับรถออกนอกพื้นที่คุ้มครอง
- ใช้งานรถยนต์นอกเหนือจากที่จดกรมธรรม์ไว้
- นำรถไปลากจูง
- กรณีเกิดสงคราม ปรมาณู หรือกัมมันตภาพรังสีของเชื้อเพลิงปรมาณู
อ่านเพิ่มเติม >> รถยนต์แบบไหน ประกันรถยนต์ไม่รับทำ
5. เมาแล้วขับ ประกันรถยนต์คุ้มครองไหม
หากผู้ขับขี่มีปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดมากกว่า 50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ หรือมีอาการเมาแล้วขับ หากรถยนต์เกิดอุบัติเหตุ บริษัทประกันจะไม่ให้ความคุ้มครองหรือจ่ายค่าเสียหายใดๆ ทั้งสิ้น แต่จะชดใช้ค่าเสียหายให้แก่คู่กรณีไปก่อน แล้วจึงไปไล่เบี้ยเรียกเงินคืนจากผู้ขับขี่ภายหลัง
แต่หากตรวจสอบได้ว่าผู้เอาประกันมีปริมาณแอลกอฮอล์น้อยกว่า 50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์แล้วล่ะก็ บริษัทประกันจะยังคงดูแลชดใช้ค่าเสียหายให้เช่นเดิม ตามความคุ้มครองและเงื่อนไขของกรมธรรม์ประกันรถยนต์นั้นๆ
อ่านเพิ่มเติม >> เมาแล้วขับ ประกันรถยนต์คุ้มครองไหม
6. เกิดอุบัติเหตุแบบไม่มีคู่กรณี ประกันรถยนต์ชั้นไหนคุ้มครองบ้าง
ในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุแบบไม่มีคู่กรณี เช่น ชนต้นไม้ ชนฟุตบาธ ชนกำแพง หรืออุบัติเหตุอื่นๆ เช่น ยางแตก ยางระเบิด กระจกร้าว เบรกแตก จนเป็นเหตุให้รถเกิดอุบัติเหตุ และเกิดความเสียหาย หากทำประกันรถยนต์ชั้น 1 ก็จะได้รับความคุ้มครองตามเงื่อนไขที่ตกลงไว้ในกรมธรรม์
อ่านเพิ่มเติม >> รถชนไม่มีคู่กรณี เบิก พ.ร.บ. ได้ไหม
7. ค่าเสียหายส่วนแรก คืออะไร
ค่าเสียหายส่วนแรก คือ ค่าเสียหายที่ผู้เอาประกันต้องรับผิดชอบเองต่อความเสียหายที่เกิดขึ้นในแต่ละครั้ง แบ่งเป็น 2 ประเภท ดังนี้
- ค่า Deductible หรือ ค่าเสียหายส่วนแรกภาคสมัครใจ คือ ค่าใช้จ่ายที่เรายินดีรับผิดชอบเมื่อมีการการเคลมประกันในอุบัติเหตุที่เราเป็นฝ่ายผิด เช่น ค่าเสียหายส่วนแรก 1,000 บาท เมื่อเกิดเหตุและมีความเสียหายเท่ากับ 1,000 บาทหรือน้อยกว่า เราก็จะไม่ได้รับการชดเชยจากบริษัทประกัน แต่ถ้าค่าความเสียหายมากกว่า บริษัทประกันจะเป็นผู้รับผิดชอบในส่วนที่เพิ่มขึ้นเอง
- ค่า Excess หรือ ค่าเสียหายส่วนแรกภาคบังคับ ที่กำหนดในเงื่อนไขของกรมธรรม์ จะเรียกเก็บเมื่อรถยนต์เกิดอุบัติเหตุที่ไม่สามารถระบุคู่กรณีได้ หรือที่เรียกว่า เคลมแห้ง นั่นเอง
อ่านเพิ่มเติม >> ค่าเสียหายส่วนแรกแบบหักได้ กับ หักไม่ได้ต่างกันยังไง?
8. เคลมสด กับ เคลมแห้ง ต่างกันยังไง
- เคลมสด คือ การเคลมที่ต้องให้ตัวแทนบริษัทประกันเข้าไปตรวจสอบ ณ ที่เกิดเหตุทันทีที่เกิดอุบัติเหตุ เพื่อทำการออกใบเคลมค่าเสียหายสำหรับนำรถไปซ่อมต่อไป เช่น รถชนกับรถของคู่กรณี หรือรถชนเสียหายหนัก เป็นต้น
- เคลมแห้ง คือ การเคลมประกันหลังจากที่เกิดเหตุการณ์ไปแล้วระยะหนึ่ง ส่วนมากเป็นอุบัติเหตุที่ไม่มีคู่กรณี หรือเฉี่ยวชนเบาๆ เช่น รถถอยชนกำแพง ซึ่งผู้เอาประกันจะต้องบันทึกเหตุการณ์อย่างชัดเจนว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง จากนั้นจึงแจ้งเคลมกับทางบริษัทประกันด้วยตนเอง
อ่านเพิ่มเติม >> ความแตกต่างระหว่าง เคลมสด กับ เคลมแห้ง
9. ซ่อมอู่ กับ ซ่อมห้าง คืออะไร
- ซ่อมอู่ คือ การนำรถเข้าซ่อมอู่ธรรมดาทั่วไป โดยอาจเลือกเป็น อู่ในเครือบริษัทประกัน หรือ อู่นอกเครือบริษัทประกัน ก็ได้
- ซ่อมห้าง คือ การนำรถไปซ่อมที่ศูนย์บริการของรถยนต์ยี่ห้อนั้นๆ โดยจะมีการให้บริการจากช่างมีฝีมือที่ได้รับมาตรฐานจากทางศูนย์บริการ
อ่านเพิ่มเติม >> ซ่อมห้าง VS ซ่อมอู่ เคลมประกันแบบไหนดี
10. ซื้อประกันรถยนต์แบบผ่อนได้ไหม
สำหรับใครที่ไม่สะดวกซื้อประกันรถยนต์ในราคาเต็ม สามารถทำการผ่อนเบี้ยประกัน โดยแบ่งชำระเป็นงวดๆ ได้ ซึ่งมีทั้งการผ่อนประกันรถยนต์ด้วยบัตรเครดิต และผ่อนประกันรถยนต์ด้วยเงินสด แต่ทั้งนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของแต่ละบริษัทประกันด้วยว่ามีการผ่อนประกันรถยนต์หรือไม่อย่างไร
อ่านเพิ่มเติม >> ผ่อนประกันรถยนต์ ทำอย่างไร
และนี่ก็คือ 10 คำถามยอดฮิต เกี่ยวกับ ประกันรถยนต์ ที่มาสินำมาฝากกัน หวังว่าคงช่วยให้เพื่อนๆ ได้รู้จักประกันรถยนต์ประเภทต่างๆ และเข้าใจรายละเอียดเล็กๆน้อยๆ เกี่ยวกับ ประกันรถยนต์ กันมากขึ้นนะคะ ซึ่งหากใครที่ต้องการทำประกันรถยนต์ สามารถ คลิกที่นี่ เพื่อเปรียบเทียบประกันรถยนต์กับเว็บไซต์มาสิได้ง่ายๆ
บทความที่เกี่ยวข้อง
สนใจสมัครประกันรถยนต์
หากมีข้อสงสัยเพิ่มเติม สามารถโทร.สอบถามทีมงานได้ที่ 02 710 3100 หรือแอดไลน์มาเป็นเพื่อนกับเราที่ @masii (มี @ ด้วยนะ) เพื่อติดตามข่าวสารและบทความดีๆ เกี่ยวกับ ประกันรถยนต์ พ.ร.บ. รถยนต์ ประกันมอเตอร์ไซค์ ประกันภัยโดรน ประกันการเดินทาง ประกันสุขภาพ รวมไปถึงสินเชื่อส่วนบุคคล และบัตรเครดิตจากสถาบันการเงินชั้นนำได้เลยค่ะ