ความแตกต่างระหว่าง เคลมสด กับ เคลมแห้ง

ความแตกต่างระหว่าง เคลมสด กับ เคลมแห้ง
ความแตกต่างระหว่าง เคลมสด กับ เคลมแห้ง
สมัครรถแลกเงินโปรโมชั่น แจกฟรี Voucher Lazada

สำหรับใครที่ทำประกันรถยนต์ แน่นอนว่าคงเคยได้ยินเกี่ยวกับ การเคลมประกันรถยนต์ กันมาบ้าง ทั้งนี้หากใครที่ทำประกันรถยนต์ชั้น 1 จะสามารถเคลมได้ทุกกรณี เพราะมีความคุ้มครองมากกว่าประกันรถยนต์ประเภทอื่นๆ ซึ่งการเคลมประกันรถนั้นถือเป็นการเรียกค่าเสียหายที่เกิดขึ้นกับรถยนต์คันที่เราได้ทำประกันรถยนต์ไว้ ซึ่งเงื่อนไขหรือวงเงินความคุ้มครองก็ขึ้นอยู่กับกรมธรรม์ของแต่ละบริษัทประกันภัย โดยการเคลมประกันรถยนต์นั้น แบ่งออกเป็น 2 อย่าง คือ เคลมสด กับ เคลมแห้ง แล้วสองอย่างนี้มีความแตกต่างกันอย่างไร เราไปหาคำตอบกับ masii กันเลยค่ะ

ความแตกต่างระหว่าง เคลมสด กับ เคลมแห้งความแตกต่างระหว่าง เคลมสด กับ เคลมแห้ง

เคลมสด คืออะไร

เคลมสด คือ การเคลมประกันรถหลังจากที่เกิดอุบัติเหตุทันที โดยมีเจ้าหน้าที่จากบริษัทประกันเดินทางมายังที่เกิดเหตุเพื่อทำเรื่อง และเก็บหลักฐานต่างๆ ในจุดเกิดเหตุ เช่น ถ่ายรูปรถยนต์ของคุณและคู่กรณี รวมถึงข้อมูลรายละเอียดต่างๆ เช่น ชื่อ นามสกุล เบอร์โทรศัพท์ ทะเบียนรถ เลขที่กรมธรรม์ และลักษณะของอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น เป็นต้น จากนั้นจึงออกใบเคลมให้แก่ผู้เอาประกันสำหรับนำรถเข้าซ่อมกับศูนย์หรืออู่ในเครือ หลังจากนั้นศูนย์หรืออู่ซ่อมจะประเมินราคาค่าซ่อม เพื่อตกลงราคาและวางบิลกับบริษัทประกันภัย ซึ่งการเคลมสดนั้นสามารถใช้ได้กับ ประกันรถยนต์ชั้น 1, ประกันรถยนต์ชั้น 2+ และประกันรถยนต์ชั้น 3+

ความแตกต่างระหว่าง เคลมสด กับ เคลมแห้ง

แต่สำหรับในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุแบบไม่มีคู่กรณี หากทำประกันรถยนต์ชั้น 1 จะสามารถเคลมได้ทุกกรณี ยกเว้นในบางกรมธรรม์อาจมีค่าเสียหายส่วนแรก ที่ผู้เอาประกันต้องจ่ายเองก่อน สำหรับในกรณีที่รถชนไม่มีคู่กรณี ซึ่งหากมีค่าเสียหายที่เกินกว่านั้น ทางบริษัทประกันจะเป็นผู้รับผิดชอบที่เหลือ โดยข้อดีข้องการเคลมสดนั้น ก็คือความรวดเร็วในการดำเนินเรื่องและการตรวจสอบหลักฐาน เพราะเป็นการแจ้งเคลมหลังที่เกิดอุบัติเหตุทันทีนั่นเอง

ความแตกต่างระหว่าง เคลมสด กับ เคลมแห้ง

เคลมแห้ง คืออะไร

เคลมแห้ง คือ การเคลมประกันหลังจากที่รถยนต์ได้เกิดความเสียหายจากอุบัติเหตุไปแล้วพักใหญ่ โดยมากเป็นอุบัติเหตุแบบไม่มีคู่กรณี เช่น ชนฟุตบาธ ชนต้นไม้ ชนกำแพง เป็นต้น (คุ้มครองเฉพาะประกันรถยนต์ชั้น 1 เท่านั้น) หรือเป็นความเสียหายเล็กๆ น้อยๆ เช่น เฉี่ยวชนกับรถด้วยกัน แต่รถไม่เสียหายมาก ยังสามารถขับได้อยู่ ซึ่งผู้เอาประกันจะต้องเป็นผู้บันทึกหลักฐานเอง เริ่มจากถ่ายรูปรถยนต์ รวมถึงจดบันทึกวันเวลา สถานที่เกิดเหตุ ลักษณะของความเสียหาย จากนั้นจึงนำข้อมูลรายละเอียดต่างๆ สำหรับการเคลมประกันให้กับเจ้าหน้าที่ประกันในวันที่เขามาตรวจสอบความเสียหายของรถยนต์ เช่น หลักฐานที่บันทึกไว้ ใบขับขี่ บัตรประจำตัวประชาชน หน้าตารางกรมธรรม์ ทะเบียนรถยนต์ จากนั้นเขาจะทำการประเมินราคาค่าชดเชยความเสียหายในการซ่อมแซมรถยนต์ตามที่ระบุไว้กรมธรรม์ พร้อมกับออกใบเคลม แล้วให้คุณนำรถยนต์ไปซ่อมที่ศูนย์ซ่อมหรืออู่ในเครือได้เลย

ความแตกต่างระหว่าง เคลมสด กับ เคลมแห้ง

เอกสารในการเคลมประกันรถยนต์ 

หลังจากที่แจ้งเจ้าหน้าที่ประกันว่าเราจะทำการเคลมประกัน และเขาได้ทำการตรวจสอบสภาพรถ ร่องรอยความเสียหาย รวมไปถึงหลักฐานต่างๆ เรียบร้อยแล้ว ให้เตรียมเอกสารสำหรับติดต่อเคลมประกันกับทางศูนย์หรืออู่ซ่อมในเครือ ดังนี้ 

  • บัตรประจำตัวประชาชน
  • ใบขับขี่ หรือสำเนา
  • เล่มทะเบียนรถยนต์ หรือสำเนา
  • สำเนากรมธรรม์ประกันภัย
  • ใบรับรองความเสียหายหรือใบเคลมที่ทางบริษัทประกันภัยออกให้

เมื่อเอกสารต่างๆ เรียบร้อย คราวนี้ก็ถึงขั้นตอนการนำรถเข้าเคลมประกัน ซึ่งอาจใช้เวลาซ่อมแซมมากหรือน้อยแตกต่างกันไปตามแต่ละกรณี แต่ถึงไม่ว่าคุณจะเคลมประกันในรูปแบบใด จะเลือกเคลมสด หรือเคลมแห้ง ก็ต้องแจ้งกับเจ้าหน้าที่ประกันทุกครั้งค่ะ

ความแตกต่างระหว่าง เคลมสด กับ เคลมแห้ง

เป็นอย่างไรบ้างกับความรู้ดีๆ ที่มาสินำมาฝากกันในวันนี้ ก็คงทำให้เพื่อนๆ ได้คลายสงสัยกันแล้วว่า เคลมสด กับ เคลมแห้ง แตกต่างกันอย่างไร ซึ่งการเคลมประกันทั้งสองรูปแบบนี้ ต่างกันที่ระยะเวลาในการแจ้งเคลมนั่นเองค่ะ โดยเคลมสด จะเป็นการแจ้งเคลมกับเจ้าหน้าที่ทันทีหลังจากที่เกิดอุบัติเหตุขึ้น มักเป็นเหตุการณ์ที่รุนแรง เกิดความเสียหายมาก ส่วนเคลมแห้ง จะเป็นการแจ้งเคลมหลังจากผ่านเหตุการณ์ไปแล้วสักระยะ ส่วนมากเป็นความเสียหายเล็กน้อย เช่น รอยบุบ หรือรอยเฉี่ยว เมื่อรถเกิดความเสียหายค่อนข้างเยอะแล้ว จึงมาทำเรื่องเคลมรอบคันไปเลย เป็นต้น 

ความแตกต่างระหว่าง เคลมสด กับ เคลมแห้ง

หลังจากที่เคลมประกันรถยนต์เรียบร้อยแล้ว คราวนี้ก็ควรขับรถอย่างปลอดภัย ไม่ประมาท และอย่าลืมต่อประกันรถยนต์เพื่อเพิ่มความอุ่นใจหากเกิดอุบัติเหตุหรือเหตุฉุกเฉินก็ยังได้รับความคุ้มครองจากประกันรถยนต์นั่นเอง โดยสามารถเลือกได้ว่าจะเป็น ประกันรถยนต์ชั้น 1, ประกันรถยนต์ชั้น 2+ หรือประกันรถยนต์ชั้น 3+ หรือสามารถ คลิกที่นี่ เพื่อเปรียบเทียบประกันรถยนต์ก่อนได้เลยค่ะ

 สนใจสมัครประกันรถยนต์

regis-but
สนใจสมัคร

ทั้งนี้ หากใครสนใจอยากสมัครประกันรถยนต์ก็สามารถโทร.ติดต่อกับมาสิได้เลยที่ 02 710 3100 หรือแอดไลน์มาเป็นเพื่อนกับเราที่ @masii (มี @ ด้วยนะ) เพื่อสอบถามข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับประกันรถยนต์ ประกันมอเตอร์ไซค์ ประกันบิ๊กไบค์ หรือสินเชื่อส่วนบุคคลและบัตรเครดิตประเภทต่างๆ ได้เลยค่ะcar insurance banner