สำหรับใครที่ต้อง ขับรถทางไกล ไม่ว่าจะขับรถไปทำงาน เดินทางท่องเที่ยว หรือกลับภูมิลำเนาที่ต่างจังหวัด นอกจากจะต้องเพิ่มความระมัดระวังในการขับรถให้มากกว่าเดิมแล้ว ยังควรต้องตรวจเช็คสภาพรถยนต์ให้พร้อมก่อนออกเดินทางอีกด้วย เพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุ หรือเกิดเหตุฉุกเฉินขึ้นระหว่างเดินทาง วันนี้ masii เลยได้นำความรู้ดีๆ มาฝาก ไปดูกันสิว่า ก่อนขับรถทางไกล มีวิธีเช็ครถก่อนเดินทางไกล วิธีใดบ้าง
ก่อนขับรถทางไกล ต้องเช็คอะไรบ้าง
1. แบตเตอรี่รถยนต์
ถ้าแบตเตอรี่รถยนต์หมดขึ้นมากลางทางก็คงไม่สนุกแน่ๆ ยังไงแล้วควรตรวจเช็คแบตเตอรี่ว่าอยู่ในสภาพที่พร้อมใช้งานหรือไม่ โดยการดูตาแมวแบตเตอรี่ พร้อมกับหมั่นเช็ดทำความสะอาดคราบขี้เกลือที่ขั้วแบต เช็คระดับน้ำกลั่น รวมถึงหากมีเครื่องวัดแบตเตอรี่ ให้วัดค่าดู หากพบแรงดันต่ำกว่า 12 โวลต์ แสดงว่าแบตมีแนวโน้มที่จะเสื่อมสภาพและมีโอกาสแบตหมดระหว่างเดินทางได้ ซึ่งแรงดันของแบตเตอรี่รถยนต์ที่สมบูรณ์นั้นจะต้องอยู่ที่ 12 – 14.2 โวลต์ (แล้วแต่รอบเครื่องยนต์)
2. ช่วงล่างรถยนต์
ช่วงล่างรถยนต์ก็เป็นสิ่งที่ควรตรวจเช็คก่อนขับรถทางไกล โดยลองเช็คด้วยการขับรถทางตรง และสังเกตว่าพวงมาลัยตรงหรือไม่ หากพวงมาลัยไม่ตรง หรือจับพวงมาลัยตรงแล้วแต่รู้สึกว่ารถเริ่มเอียงไปทางซ้ายหรือทางขวา แสดงว่าช่วงล่างมีปัญหา ต้องนำไปตั้งศูนย์ใหม่ รวมถึงเช็คสภาพชิ้นส่วนต่างๆ ชองช่วงล่าง เช่น ลูกหมาก โช๊ครถยนต์ ว่าอยู่ในสภาพพร้อมใช้งานหรือไม่
3. น้ำมันเบรก และระบบเบรก
นอกจากนี้อย่าลืมตรวจเช็คระบบเบรกรถยนต์ หากเปิดกระปุกน้ำมันเบรกแล้วพบว่าน้ำมันเบรกลดลง อย่าเพิ่งเติมน้ำมันเบรกลงไป เพราะนั่นแสดงว่าระบบเบรกอาจมีบางอย่างผิดปกติ เพราะส่วนใหญ่ระดับปริมาณน้ำมันเบรกจะอยู่ที่ขีด max และไม่ค่อยลดลง แต่ถ้าน้ำมันเบรกลดลงอาจเป็นไปได้ว่า ผ้าเบรกสึก ผ้าเบรกใกล้หมด หรือมีจุดรั่วซึมในระบบเบรก ให้ตรวจเช็คสายเบรกว่ามีจุดรั่วตรงไหน โดยสังเกตจากรอยคราบน้ำมันที่เปื้อนตามท่อ
4. น้ำมันเครื่อง
เราสามารถตรวจวัดระดับน้ำมันเครื่องได้จากก้านวัดน้ำมันเครื่อง ซึ่งจะต้องอยู่ในระดับที่เหมาะสม หากน้ำมันเครื่องแห้ง ควรเติมน้ำมันเครื่องที่เหมาะสมกับรถยนต์ และควรหมั่นเปลี่ยนน้ำมันเครื่องตามระยะทางที่กำหนด ทั้งนี้เพื่อการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพของเครื่องยนต์
5. หม้อน้ำ และระบบหล่อเย็น
การขับรถทางไกล อาจทำให้เครื่องยนต์เกิดความร้อนได้ง่ายกว่าปกติ อย่างไรแล้วควรตรวจเช็คระบบระบายความร้อนของรถยนต์ด้วย ไม่เช่นนั้นเครื่องยนต์อาจเกิดอาการโอเวอร์ฮีท และทำให้เครื่องยนต์น็อคได้ ผู้ขับขี่จึงควรเช็คระดับน้ำหล่อเย็นในหม้อพักและหม้อน้ำ รวมไปถึงพัดลมหม้อน้ำ ท่อยาง และข้อต่อต่างๆ ว่ามีรอยรั่วหรือผิดปกติหรือไม่
6. ยางรถยนต์
ยางรถยนต์ ถือเป็นชิ้นส่วนสำคัญที่ทำให้การขับรถทางไกลเป็นไปอย่างราบบรื่นและปลอดภัย ดังนั้นจึงควรเช็คสภาพยางรถยนต์ให้พร้อมใช้งาน ไม่รั่ว ไม่ซึม ยางไม่บวม ดอกยางไม่โล้น และควรเติมลมยางตามปริมาณที่คู่มือรถกำหนด นอกจากนี้อย่าลืมเช็คล้อว่าอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ ไม่คด ไม่เบี้ยว และเช็คน็อตที่ยึดล้อด้วยว่าขันแน่นหรือไม่
7. ระบบไฟส่องสว่าง
การขับรถทางไกล อาจจำเป็นที่ต้องเดินทางในเวลากลางคืน ดังนั้นอย่าลืมเช็คระบบไฟส่องสว่าง ทั้งไฟหน้า ไฟท้าย ไฟเบรก ไฟเลี้ยว ไฟตัดหมอก และไฟฉุกเฉิน ต้องสามารถใช้งานได้ทุกจุด มีแสงสว่างเพียงพอ มองเห็นได้ชัดเจน
8. อุปกรณ์ฉุกเฉินติดรถ
ใครจะไปรู้ว่าจะเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นบ้างระหว่างทาง แต่หากเราเตรียมความพร้อม พกอุปกรณ์ฉุกเฉินติดรถไปด้วยก็ยังอุ่นใจ ไม่ว่าจะเป็น ล้อ-ยางอะไหล่ แม่แรง ที่เติมลมฉุกเฉิน สายพ่วงแบต สายจูงรถ ไฟฉาย ค้อนนิรภัย ร่ม ถังน้ำ ฯลฯ
เมื่อได้ทราบกันไปแล้วว่า ก่อนขับรถทางไกล ต้องเช็คอะไรบ้างนั้น หากใครที่ต้องขับรถทางไกลในช่วงนี้ ก็อย่าลืมตรวจเช็คสภาพรถยนต์ให้พร้อมก่อนการเดินทาง รวมไปถึงเตรียมตัวผู้ขับขี่ให้พร้อมด้วยเช่นกัน และที่สำคัญคือควรขับขี่รถยนต์อย่างปลอดภัย ไม่ประมาท เพราะอาจเกิดอุบัติเหตุได้ทุกเมื่อ และถ้าจะให้ดีควรทำประกันรถยนต์ไว้ด้วยเพื่อความอุ่นใจ โดยสามารถ คลิกที่นี่ เพื่อซื้อประกันรถยนต์ หรือเปรียบเทียบประกันรถยนต์กับเว็บไซต์มาสิได้ง่ายๆ
สนใจสมัครประกันรถยนต์
หรือหากมีข้อสงสัยเพิ่มเติม สามารถโทร.มาพูดคุยหรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ 02 710 3100 หรือแอดไลน์มาเป็นเพื่อนกับเราได้ที่ @masii (มี @ ด้วยนะ) เพื่อติดตามข่าวสารและบทความดีๆ เกี่ยวกับ ประกันรถยนต์ ประกันมอเตอร์ไซค์ ประกันภัยโดรน ประกันเดินทาง ประกันสุขภาพ รวมถึงสินเชื่อส่วนบุคคล บัตรกดเงินสด และบัตรเครดิตจากสถาบันการเงินชั้นนำ