การต่อภาษีรถยนต์ เป็นสิ่งที่รถยนต์ทุกคันต้องทำเป็นประจำทุกปี หรือที่เรียกกันติดปากว่า การต่อทะเบียนรถยนต์ นั่นเอง หากรถยนต์คันใดไม่ต่อภาษีรถยนต์จะมีผลทางกฎหมาย และหากไม่ได้ต่อภาษีรถเกิน 3 ปี ยังมีผลให้ทะเบียนรถยนต์ถูกระงับอีกด้วย ว่าแล้วมาดูกันเลยว่า ต่อภาษีรถยนต์ ประจำปี มีขั้นตอนอย่างไร แล้วรถยนต์ทุกคันจำเป็นต้องตรวจสภาพรถไหม ตาม masii ไปหาคำตอบกันเลยค่ะ
ต่อภาษีรถยนต์ ประจำปี มีขั้นตอนอย่างไร จำเป็นต้องตรวจสภาพรถทุกคันไหม
สำหรับการต่อภาษีรถยนต์ประจำปีนั้น คือ การชำระภาษีเพื่อนำไปพัฒนาเส้นทางคมนาคม ทั้งยังเป็นเหมือนการต่อทะเบียนรถยนต์ในแต่ละปี โดยรถใหม่ที่อายุการใช้งานยังไม่ถึงกำหนด สามารถต่อภาษีรถยนต์ได้เลยโดยไม่จำเป็นต้องตรวจสภาพรถ แต่หากรถยนต์มีอายุการใช้งานครบ 7 ปี (ให้นับตั้งแต่วันที่จดทะเบียนครั้งแรก ถึงวันสิ้นสุดอายุภาษีประจำปี) จะต้องได้รับการตรวจสภาพรถยนต์ก่อนเสียภาษีทุกครั้ง ซึ่งรถยนต์ที่ต้องทำการตรวจสภาพรถยนต์ก่อน มีดังต่อไปนี้
- รถยนต์ ที่มีอายุใช้งานครบ 7 ปี ขึ้นไป
- รถยนต์บรรทุก ที่มีอายุใช้งานครบ 7 ปี ขึ้นไป
- รถจักรยานยนต์ ที่มีอายุใช้งานครบ 5 ปี ขึ้นไป
- รถยนต์ที่ติดตั้งก๊าซ NGV และแก๊ส LPG จะต้องนำรถเข้ามาตรวจสภาพถังก๊าซ และอุปกรณ์ ก่อนต่อภาษีรถทุกปี
สถานที่ตรวจสภาพรถยนต์ มีที่ไหนบ้าง
รถยนต์ทั่วไปสามารถนำรถไปตรวจสภาพได้ที่สถานตรวจสภาพรถเอกชน (ตรอ.) ที่ได้รับอนุญาตจากกรมการขนส่งทางบก หรือของหน่วยงานของกรมการขนส่งทางบก ยกเว้นรถดังต่อไปนี้ ให้ตรวจสภาพรถที่หน่วยงานของกรมการขนส่งทางบกเท่านั้น
- รถที่ดัดแปลงสภาพ, เปลี่ยนสี, เปลี่ยนเครื่องยนต์ หรือเปลี่ยนส่วนใดส่วนหนึ่งให้ผิดไปจากรายการที่จดทะเบียนไว้ในสมุดคู่มือทะเบียนรถ
- รถที่มีปัญหาเกี่ยวกับเลขตัวรถ หรือเลขเครื่องยนต์
- รถที่ขาดต่ออายุทะเบียนเกิน 1 ปี
- รถที่เจ้าของได้แจ้งไม่ใช้ชั่วคราว หรือแจ้งไม่ใช้รถตลอดไป
- รถที่มีเลขทะเบียนเป็นรุ่นเก่า (เช่น กท-00001, กทจ-0001) ซึ่งต้องเปลี่ยนทะเบียนรถใหม่ก่อนเสียภาษีประจำปี
- รถที่มีปัญหาเกี่ยวกับการถูกโจรกรรมแล้วได้คืน
เอกสารที่ใช้ในการต่อภาษีรถยนต์ ต่อภาษีรถมอเตอร์ไซค์
- เล่มทะเบียนรถยนต์ หรือ สำเนารายการจดทะเบียนรถยนต์
- พ.ร.บ. รถยนต์ หรือ พ.ร.บ.มอเตอร์ไซค์
- ใบรับรองการตรวจสภาพรถยนต์ (ตรอ.) สำหรับรถยนต์ที่มีอายุเกิน 7 ปีขึ้นไป หรือรถจักรยานยนต์ที่จดทะเบียนมาแล้วตั้งแต่ 5 ปีขึ้นไป
- เอกสารรับรองการติดตั้งแก๊ส (สำหรับรถยนต์ที่ติดตั้งแก๊ส NGV หรือ LPG)
ตรวจสภาพรถยนต์ มีราคาเท่าไร
สำหรับค่าตรวจสภาพรถจาก ตรอ. ได้มีข้อกำหนดจากกรมการขนส่งทางบก ให้ใช้ราคาเดียวกันทั่วประเทศ ดังนี้
- รถจักรยานยนต์ คันละ 60 บาท
- รถยนต์น้ำหนักรถเปล่าไม่เกิน 1,600 กิโลกรัม คันละ 150 บาท
- รถยนต์ที่มีน้ำหนักรถเปล่าเกิน 1,600 กิโลกรัม คันละ 250 บาท
ทขั้นตอนการติดต่อกับสถานตรวจสภาพรถ ให้เจ้าของรถนำรถและสมุดคู่มือทะเบียนรถไปแสดง หากรถยนต์ผ่านการตรวจสภาพเรียบร้อยจาก ตรอ. จะได้ใบรับรองการตรวจสภาพรถตามแบบที่กรมการขนส่งทางบกกำหนด และสามารถนำเอกสารนั้นไปยื่นต่อภาษีรถยนต์ประจำปีได้ โดยเจ้าของรถสามารถนำรถไปตรวจสภาพรถยนต์ล่วงหน้าได้ไม่เกิน 3 เดือน ก่อนถึงวันสิ้นอายุภาษีประจำปี
ซึ่งเหตุผลที่กรมการขนส่งทางบกได้กำหนดให้รถที่มีอายุการใช้งานดังกล่าว ต้องตรวจสภาพรถยนต์ก่อนเสียภาษีประจำปีนั้น ก็เพื่อเป็นการตรวจสอบและยืนยันว่ารถมีสภาพมั่นคง แข็งแรง มีลักษณะ ขนาด และเครื่องอุปกรณ์ส่วนควบของรถ ถูกต้องตามที่กำหนดไว้ในกฎกระทรวง ทั้งนี้เพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้รถใช้ถนนร่วมกันนั่นเอง
ค่าต่อภาษีรถยนต์ 2565 ราคาเท่าไร
สำหรับการต่อภาษีรถยนต์นั้น ค่าต่อภาษีรถยนต์นั้นจะขึ้นอยู่กับประเภทรถยนต์ที่ใช้ โดยสามารถแบ่งได้ตามป้ายทะเบียนรถยนต์ ดังนี้
รถป้ายทะเบียนพื้นขาวตัวหนังสือดำ
รถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 ที่นั่งอย่างเช่นรถเก๋งทั่วไป, รถกระบะ 4 ประตู, รถอเนกประสงค์ SUV ที่มีเบาะนั่งได้ไม่เกิน 7 คน มีการคำนวณภาษีรถยนต์ดังนี้
- เครื่องยนต์ขนาด 1-600 ซีซี คิดเป็น ซีซี ละ 50 สตางค์
- เครื่องยนต์ขนาด 601-1800 ซีซี คิดเป็น ซีซี ละ 1.50 บาท
- เครื่องยนต์ขนาด 1801 ซีซี ขึ้นไป คิดเป็น ซีซี ละ 4 บาท
และในกรณีเมื่อรถมีการใช้งานเกินกว่า 5 ปีขึ้นไป จะมีการเสียภาษีรถยนต์ลดลงตามสัดส่วนดังนี้
- รถยนต์อายุเกิน 6 ปี รับส่วนลดค่าภาษี 10%
- รถยนต์อายุเกิน 7 ปี รับส่วนลดค่าภาษี 20%
- รถยนต์อายุเกิน 8 ปี รับส่วนลดค่าภาษี 30%
- รถยนต์อายุเกิน 9 ปี รับส่วนลดค่าภาษี 40%
- รถยนต์อายุเกิน 10 ปี รับส่วนลดค่าภาษี 50%
รถป้ายทะเบียนพื้นขาวตัวหนังสือเขียว
อย่างเช่น รถบรรทุกส่วนบุคคลที่เกิน 7 ที่นั่ง การคำนวณภาษีจะขึ้นอยู่กับน้ำหนักรถดังนี้
- น้ำหนักรถ 501- 750 กิโลกรัม อัตราภาษี 450 บาท
- น้ำหนักรถ 751 – 1000 กิโลกรัม อัตราภาษี 600 บาท
- น้ำหนักรถ 1001 – 1250 กิโลกรัม อัตราภาษี 750 บาท
- น้ำหนักรถ 1251 – 1500 กิโลกรัม อัตราภาษี 900 บาท
- น้ำหนักรถ 1501 – 1750 กิโลกรัม อัตราภาษี 1,050 บาท
- น้ำหนักรถ 1751 – 2000 กิโลกรัม อัตราภาษี 1,350 บาท
- น้ำหนักรถ 2001 – 2500 กิโลกรัม อัตราภาษี 1,650 บาท
รถป้ายทะเบียนพื้นขาวตัวหนังสือน้ำเงิน
รถยนต์ส่วนบุคคลเกิน 7 ที่นั่ง การคำนวณภาษีจะขึ้นอยู่กับน้ำหนักรถ แต่จะมีการคิดอัตราภาษีแตกต่างจาก รถป้ายทะเบียนพื้นขาวตัวหนังสือเขียว ดังนี้
- น้ำหนักรถไม่เกิน 1800 กิโลกรัม อัตราภาษี 1,300 บาท
- น้ำหนักรถเกิน 1800 กิโลกรัม อัตราภาษี 1,600 บาท
เมื่อได้ทราบกันไปแล้วว่า ต่อภาษีรถยนต์ ประจำปี มีขั้นตอนอย่างไร จำเป็นต้องตรวจสภาพรถทุกคันไหม หากรถยนต์ของคุณมีเกณฑ์ตามนี้ละก็ ก่อนไปต่อภาษีรถยนต์ประจำปี ก็อย่าลืมนำรถไปตรวจสภาพรถยนต์กันด้วยนะคะ แต่ที่สำคัญเลยก็ควรขับรถกันอย่างปลอดภัย ไม่ประมาท โดยสามารถ คลิกที่นี่ เพื่อเปรียบเทียบประกันรถยนต์กับทางมาสิได้เลยค่ะ
สนใจสมัครประกันรถยนต์
หรือหากมีข้อสงสัยเพิ่มเติม สามารถโทร.มาพูดคุยสอบถามทีมงานมาสิได้ที่ 02 710 3100 หรือแอดไลน์มาเป็นเพื่อนกับเราที่ @masii (มี @ ด้วยนะ) เพื่อติดตามข่าวสารและบทความดีๆ เกี่ยวกับ ประกันรถยนต์ ประกันมอเตอร์ไซค์ ประกันภัยโดรน ประกันเดินทาง ประกันสุขภาพ และประกันภัยไวรัสโคโรนา ได้เลยค่ะ
________________________
Please become Masii Fan
Facebook: www.facebook.com/MasiiThailand
Website: www.masii.co.th
Line : @masii
Tel: 02 710 3100
Youtube: https://www.youtube.com/channel/UCV-5rpO5ZqAGfgLdKqzKGFw
Instagram: www.instagram.com/masii_thailand/
Twitter: twitter.com/MasiiGroup
#บัตรเครดิต #สมัครบัตรเครดิตออนไลน์ #ทำบัตรเครดิต #บัตรเครดิตใบแรก
#สินเชื่อส่วนบุคคล #บัตรกดเงินสด
#สินเชื่อส่วนบุคคลออนไลน์ #กู้เงิน
#ประกันภัยโดรน #ประกันโดรน #ลงทะเบียนโดรน #ขึ้นทะเบียนโดรน #Dronethailand
#ประกันรถยนต์ #ประกันรถยนต์ชั้น1 #สมัครประกันรถยนต์ #ประกันรถที่คุ้มที่สุด
#masii #มาสิ #ครบง่ายสะดวก #เพื่อความสุขในชีวิตที่ดีกว่า
#ครบง่ายสะดวกเพื่อความสุขในชีวิตที่ดีกว่า
