รีไฟแนนซ์บ้าน

สำหรับเพื่อนๆที่กำลังเตรียมตัว รีไฟแนนซ์บ้าน ในปีนี้ และกำลังเตรียมข้อมลูต่างๆเพื่อหาธนาคารที่ให้อัตราดอกเบี้ยต่ำกว่าธนาคารเดิม การรีไฟแนนซ์บ้าน ถือเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายการกู้บ้าน จากอัตราดอกเบี้ยที่ลดลง เพราะโดยปกติแล้วในการกู้บ้าน หลาย ๆ ธนาคารมักมีโปรโมชั่นดอกเบี้ยต่ำในช่วงปีแรก ๆ แต่หลังจากนั้น อัตราดอกเบี้ยจะสูงขึ้น ดังนั้นคนส่วนใหญ่จึงนิยมเลือกที่จะรีไฟแนนซ์ มากกว่าที่จะเลือกอยู่กับธนาคารเดิม เนื่องจากที่ผ่านมา มาสิ ได้มีการวิเคราะห์ข้อมูลโดยรวมว่าธนาคารใหนที่คนนิยมรีไฟแนนซ์บ้านกัน ซึ่งรายละเอียดด้านล่างนี้จะชี้แจ้งเบื้องต้นว่าธนาคารใหนให้อัตราดอกเบี้ยต่ำกว่า แต่อย่างไรก็ตามรายละเอียดนี้คือการวิเคราะห์จากปีที่ผ่านมา เราไปดูกันเลยว่ามีธนาคารใหนบ้าง รีไฟแนนซ์บ้าน ยูโอบี กับ สินเชื่อบ้านยูโอบี โฮมโลน รีไฟแนนซ์  ให้วงเงินกู้อนุมัติวงเงินไม่เกิน 100% ของราคาประเมิน และ 85-90% สำหรับต่างจังหวัด (สำหรับคอนโดมิเนียม วงเงินกู้สูงสุด...

หลายๆคนที่ซื้อบ้านและกำลังมองหาข้อมลูเกี่ยวกับการรีไฟแนนซ์ว่ามีประโยชน์อย่างไร และมีความจำเป็นต้องรีไฟแนนซ์มั้ย มาสิ เชื่อว่าหลายคนคงสงสัยว่าการรีไฟแนนซ์ทำอย่างไรให้มีประสิทธิภาพ ซึ่งเราทุกคนทราบกันดีว่าการทำรีไฟแนนซ์จะทำให้อัตราดอกเบี้ยใหม่นั้นถูกกว่า และในบางกรณีคุณอาจจะได้วงเงินกู้มากกว่ายอดค้างเดิม การรีไฟแนนซ์ก็เพื่อลดภาระหนี้ และจำนวนเงินผ่อนลดลงต่อเดือน วันนี้ มาสิ ได้หาข้อมลู ข้อดี ข้อเสียของการรีไฟแนนซ์มาฝากเพื่อนๆกันค่ะ ข้อดีของการรีไฟแนนซ์ สิ่งแรกที่เป็นข้อดีของการรีไฟแนนซ์ นั้นก็คือได้รับอัตราดอกดอกเบี้ยต่ำลงและทำให้ค่าผ่อนชำระต่อเดือนลดลง คุณอาจจะขอรีไฟแนนซ์จากสถาบันทางการเงินที่เป็นเจ้าหนี้รายเดิม หรืออาจจะขอรีไฟแนนซ์กับสถาบันการเงินเจ้าใหม่ก็ได้ ซึ่งการรีไฟแนนซ์ที่ถูกต้องจะต้องเป็นการกู้เงินที่ทำให้เกิดประโยนช์ต่อคนกู้มากที่สุด และการรีไฟแนนซ์ก็ยังสามารถเปลี่ยนเป็นเงินสดได้ หากเรามียอดชำระไม่สู้มากนัก เข้าใจง่ายคือการรีไฟแนนซ์จะสามารถลดหนี้และได้ดอกเบี้ยอัตราใหม่ที่ลดลงแถมยังประหยัดได้มากขึ้นอีด้วย ข้อเสียของการรีไฟแนนซ์ ถึงแม้อัตราดอกเบี้ยจะถูกลงต่อเดือนก็ตามแต่อย่างลืมว่าระยะเวลาการเป็นหนี้นั้นนานขึ้น ในกรณีที่ผู้กู้ย้ายสถาบันการเงินมักจะมีรายจ่ายที่มากกว่า และไม่คุ้มกับการทำรีไฟแนนซ์ แต่ในกรณีที่ดอกเบี้ยถูกกว่าเดิม 2-3% จึงสมควรทำรีไฟแนนซ์ ก่อนจะรีไฟแนนซ์ต้องอย่าลืมว่าค่าธรรมเนียมต่างๆ ได้แก่ ค่าจดจำนอง 1% ของมลูจำนอง เบี้ยปรับกรณีปิดสินเชื่อโดยการรีไฟแนนซ์ก่อนกำหนด ค่าใช้จ่ายต่างๆที่จะเกิดขึ้น เช่นค่าประกันชีวิตใหม่...

สำหรับคนวัยทำงานและมีแพลนอยากจะสร้างครอบครัว สิ่งแรกที่คุณคิดและเป็นความไฝ่ฝันของคนหลายๆคนนั้นก็คือการซื้อบ้าน แต่การซื้อบ้านนั้นก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยทีเดียวไม่ว่าจะเป็นการเตรียมพร้อมด้วยสภาพทางการเงิน เอกสารต่างๆ คุณสมบัติที่พอเพียงที่สถาบันการเงินจะอนุมัติสินเชื่อ ทุกอย่างที่กล่าวมานี้ต้องมีการวางแผนให้พร้อมและต้องคิดการไกล แต่บางคนอาจจะสงสัยว่าแค่มีคุณสมบัติที่กล่าวถึงนี้ก็สามารถมีบ้านได้แล้วจะต้องวางแผนทำไม แต่อย่าลืมว่าการซื้อบ้านอัตราดอกเบี้ยในช่วง 1-3 ปีแรกอัตราดอกเบี้ยจะต่ำ แล้วหลังจากนั้นอัตราดอกเบี้ยจะสูงขึ้น นั้นเป็นเหตุผลที่ทำไมหลายๆคนนิยมรีไฟแนนซ์บ้านกัน แต่ก็มีคำถามขึ้นมาอีกว่ารีไฟแนนซ์บ้านลดดอกเบี้ยได้จริงหรือ วันนี้ มาสิ มีคำตอบมาฝากกันค่ะ อยากแรกเราต้องแยกการรีไฟแนนซ์ออกเป็น 2 ส่วน ส่วนแรกคือ การขอลดอัตราดอกเบี้ยกับสถาบันการเงินเดิม หลักคือเราเข้าไปต่อรองกับธนาคารดิมเพื่อขอลดอัตราดอกเบี้ย เนื่องจากเราเป็นลูกหนี้ที่ดีและไม่เคยชำระล่าช้า ซึ่งการอนุมัตินี้ขึ้นอยู่กับธนาคาร แต่ส่วนใหญ่แล้วธนาคารทั่วไปไม่มีนโยบายลดอัตราดอกเบี้ยให้ลูกค้าเดิม แต่นั้นก็ไม่ได้หมายถึงว่าจะไม่ได้ลดอัตราดอกเบี้ยจากธนาคารเดิม แต่ก็ขึ้นอยู่กับประวัติทางการเงินของเราด้วยเช่นกัน การรีไฟแนนซ์กับสถาบันการเงินใหม่ การย้ายธนาคารเดิมไปยังธนาคารใหม่ แน่นอนอยู่แล้วว่าอัตราดอกเบี้ยจะต่ำลงอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งวิธีนี้คนส่วนใหญ่นิยมทำกัน ไม่เพียงแค่อัตราดอกเบี้ยลดลง แถมยังทำให้เงินที่ผ่อนแต่ละเดือนไปตัดเงินต้นมากขึ้น และผ่อนหมดเร็วขึ้นอีกด้วย สรุปคือการรีไฟแนนซ์บ้านคุณจะได้อัตราดอกเบี้ยที่ลดลงอย่างแน่นอน...

เข้าปี 2561 แล้ว เพื่อนๆ หลายคนคงกำลังมองหาสถาบันการเงินเพื่อรีไฟแนนซ์บ้าน แต่ก่อนจะรีไฟแนนซ์บ้างหลายคนคงเคยสงสัยกันไหมว่าการ รีไฟแนนซ์บ้าน คืออะไร ทำไมคนส่วนใหญ่นิยมรีไฟแนนซ์บ้านกัน วันนี้ มาสิ มีข้อมูลดีๆมาฝากกันค่ะ นั่นก็คือการรีไฟแนนซ์บ้าน ก็เหมือนการย้ายสถาบันการเงินเก่าไปยังสถาบันการเงินใหม่ที่มีดอกเบี้ยต่ำกว่านั้นเอง หรือจริงๆแล้วสามารถอยูกับสถาบันการเงินเดิมได้เช่นกัน ถ้าในกรณีที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำลง เพราะสินเชื่อปกติ ดอกเบี้ยจะถูกแค่ตอน 1-3 ปีแรกเท่านั้น นอกนั้นจะเป็นดอกเบี้ยแบบ MRR ดอกเบี้ยค่อนข้างสูง การผ่อนชำระรีไฟแนนซ์บ้านเพื่อให้มีภาระผ่อนชำระน้อยลง หลังจากที่ครบ 1-3 ปี แล้วแต่เงื่อนไขของธนาคาร เพราะหลังจากนั้นอัตราดอกเบี้ยมักเป็นไปในลักษณะลอยตัว (MRR) หรือ ลอยตัวแล้วมีส่วนลด คือ MRR- ซึง MRR แต่ละธนาคารก็จะไม่เท่ากัน...

เคยสังเกตมั้ยว่าคนในรุ่นปัจจุบันนี้ส่วนใหญ่จะไม่ค่อยใช้เงินสดซื้อบ้าน แต่จะเป็นการขอกู้สินเชื่อจากธนาคารแทน ซึ่งการซื้อบ้านเป็นความใฝ่ฝันของหลายๆคน และเมื่อเราเติบโตขึ้นก็อยากจะสร้างครอบครัว บ้านหรือที่พักอาศัยจึงเป็นสิ่งจำเป็น เมื่อเริ่มซื้อบ้านแล้ว แน่นอนต้องเป็นหนี้ ซึ่งการผ่อนบ้านนั้นอยู่ระหว่าง 15-30 ปี ฟังดูแล้วยาวนานใช่มั้ยคะ ดังนั้นการซื้อบ้านควรวางแผนให้ดี ยิ่งเฉพาะช่วงหลังจาก 3 ปี หรือใกล้จะครบงวด 3 ปี หลายคนก็จะหาข้อมูลเกี่ยวกับการรีไฟแนนซ์เพื่อลดภาระชำระหนี้ลง ซึ่งหลายคนคงมองเพียงแค่อัตราดอกเบี้ยที่ลดลง แต่ลืมนึกไปว่าการทำรีไฟแนนซ์นั้นมีค่าใช้จ่ายตามมาอีกด้วย ดังนั้นคุณควรพิจารณาให้ดีก่อนว่าคุ้มค่ากับการรีไฟแนนซ์มั้ย สิ่งแรกที่คนส่วนใหญ่นำมาพิจารณานั่นก็คือ อัตราดอกเบี้ย โดยนำเอาอัตราดอกเบี้ยของแต่ละธนาคารมาเปรียบเทียบกับธนาคารเดิม รีไฟแนนซ์บ้านอย่างไรให้คุ้มค่าที่สุด ค่าธรรมเนียมของธนาคาร เช่น ค่าประเมินราคา ค่าทำนิติกรรม ยิ่งขอรีไฟแนนซ์หลายธนาคารค่าประเมินรวมยิ่งมากตาม และเบี้ยค่าปรับที่เกิดจากการปิดบัญชีก่อนกำหนด ค่าธรรมเนียมของกรมที่ดิน เช่น ค่าจดจำนอง...

ช่วงที่ผ่านมานี้มีเพื่อนๆหลายคนพูดถึงระหว่างรีไฟแนนซ์บ้าน หรือ เอาบ้านไปแลกเงิน ซึ่งบางคนอาจจะยังไม่เข้าใจว่า 2 อย่างนี้ไม่เหมือนกันแต่ไม่เหมือนกันยังไง วันนี้ มาสิ จะมาคลายความสงสัยกันค่ะ ก่อนอื่นเพื่อนๆต้องเข้าใจความหมายระหว่างรีไฟแนนซ์ และ บ้านแลกเงินก่อนว่าหมายความว่าอย่างไร การรีไฟแนนซ์บ้าน คืออะไร การรีไฟแนนซ์ คือการที่เรามีสัญญาเงินกู้อยู่จำนวนหนึ่ง และต้องการที่จะเคลียร์หนี้ในส่วนนี้ เนื่องจากได้รับผลประโยชน์ หรือข้อเสนอที่ดีกว่าจากเงินกู้ก้อนใหม่ หรือที่เรียกกันว่า อัตราดอกเบี้ยลดลงในวงเงินที่มากขึ้น จึงนำเงินที่ได้จากเงินกู้ก้อนใหม่ มาเคลียร์หนี้ก้อนเก่านั่นเอง  เพื่อรับผลประโยชน์ หรือสัญญาเงินกู้ฉบับใหม่ ในธนาคารหรือสถาบันการเงินเจ้าใหม่ แต่ต้องวางแผนให้ดีๆ  ว่าส่วนต่างหรือดอกเบี้ยที่ลดลงจากการรีไฟแนนซ์ กับค่าใช้จ่ายที่ต้องใช้ในการรีไฟแนนซ์นั้น คุ้มค่ากันหรือไม่ สินเชื่อบ้านแลกเงิน คืออะไร การนำบ้านที่ปลอดภาระหนี้ หรือบ้านที่ติดขายฝาก เพื่อขอสินเชื่อบ้านแลกเงินกับธนาคารเดียว โดยทางธนาคารจะออกเช็คไปปิดหนี้สินให้ทั้งหมด...

หลายคนคงมีความฝันอยากมีบ้าน อยากสร้างครอบครัว จนลืมนึกไปว่าก่อนที่จะซื้อบ้านนั้นคุณควรสำรวจตัวเองก่อนว่า พร้อมมั้ย ที่จะซื้อบ้านสักหลัง จริงๆแล้วการกู้ซื้อบ้านไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็ไม่ใช่เรื่องยากจนเกินไป ดังนั้นคุณควรวางแผนให้ดี และ รอบคอบเสมอ การวางแผนที่ดีไม่เพียงแค่คุณมีวุฒิภาวะที่พร้อม แต่คุณต้องนึกถึงสภาพการเงินของคุณด้วย เนื่องจากกู้ซื้อบ้านนั้นจะมีค่าใช้จ่ายต่างๆที่คุณไม่คาดคิดเกิดขึ้น วันนี้ มาสิ จะพาคุณไปสำรวจตัวเองก่อนว่า คุณพร้อมที่จะกู้ซื้อบ้านแล้วหรือยัง สิ่งแรกที่คุณต้องนึกถึงนั้นคือ 3 ข้อสำรวจตัวเอง คุณพร้อมที่จะกู้ซื้อบ้านหรือยัง เช็คคุณสมบัติเบื้องต้น เช่น อายุ 20 ปีขึ้นไป มีรายได้ประจำที่แน่นอน และที่สำคัญไม่มีประวัติการผิดชำระหนี้  มีความสามารถที่จะชำระหนี้เงินกู้ได้ และหากคุณมีประวัติผิดนัดชำระหนี้ให้แสดงหลักฐานการปรับปรุงหนี้ให้เรียบร้อยก่อนที่จะขอกู้ซื้อบ้าน สภาพทางการเงินอย่างแรกคุณต้องประเมินรายได้ของตัวเองก่อนว่าสามารถกู้ซื้อบ้านได้ในราคาเท่าไร ค่าผ่อนชำระต่อเดือนเท่าไร ซึ่งการประเมินนี้สภาพทางการเงินนั้นค่อนข้างจะสำคัญเพราะถ้าเราซื้อบ้านในราคาที่เกินตัว ก็อาจจะทำให้เกิดปัญหาในอนาคตได้ เงินในบัญชีก็สำคัญ...

สำหรับเพื่อนๆที่กำลังหาซื้อบ้าน หรืออยู่ในช่วงตัดสินใจ หรือกำลังอยู่ระหว่างการผ่อนบ้านคงจะเคยได้ยินวิธีการผ่อนชำระแบบลดต้นลดดอก ซึ่งเป็นวิธีการที่สถาบันการเงินนิยมเรียกกัน และเป็นวิธีที่ธนาคารแทบทุกแห่งใช้ในการคำนวณดอกเบี้ยสินเชื่อที่อยู่อาศัย วันนี้เรามาทำความเข้าใจกับการผ่อนบ้านแบบลดต้นลดดอกกัน  ผ่อนบ้านแบบลดต้นลดดอกคืออะไร  จริงๆ แล้วการลดต้นลดดอกนั้นไม่ใช่วิธีการผ่อนบ้าน แต่เป็นชื่อเรียกวิธีการคำนวณดอกเบี้ยแบบหนึ่งของธนาคาร  ซึ่งการคำนวณดอกเบี้ยแบบลดต้นและลดดอกนี้  คำว่า “ลดต้น” ในที่นี้หมายถึงเงินต้น ซึ่งจะเป็นเงินตั้งต้นที่นำมาคิดดอกเบี้ยในแต่ละงวด โดยเงินต้นนี้จะลดลงไปเรื่อยๆ จากการนำจำนวนเงินในงวดที่ชำระไปก่อนหน้าส่วนที่เหลือจากหักชำระดอกเบี้ยมาหักลบออกไป  ส่วนคำว่า “ลดดอก” ในที่นี้หมายถึงดอกเบี้ยในงวดถัดมาที่จะลดลงเรื่อยๆ แปรผันตามเงินต้นที่ลดลง  ซึ่งเป็นผลมาจากการที่เงินต้นเหลือน้อยลงเรื่อยๆ เนื่องจากถูกหักออกไปจากการชำระในงวดก่อนหน้า  จึงเรียกวิธีการคำนวณดอกเบี้ยนี้ว่าลดต้นลดดอก ถึงแม้ว่าจำนวนเงินที่ชำระในแต่ละงวดจะกำหนดไว้คงที่เท่าเดิมแต่การคิดดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอกนี้จะทำให้จำนวนเงินที่ผ่อนชำระในงวดหลังๆ จะกันส่วนหนึ่งไปชำระดอกเบี้ยน้อยลงและเหลือส่วน นำเงินก้อนโปะเพิ่มจากการผ่อนชำระในแต่ละเดือน  ถ้าเรามีโอกาสได้เงินก้อนเพิ่มมาจากเงินเดือนที่ได้ตามปกติ ไม่ว่าจะเป็น โบนัสปลายปี, ค่าคอมมิชชั่น, ขายบ้านเก่าได้ ฯลฯ เราควรนำเงินนั้นแบ่งมาโปะบ้านทุกครั้งที่มีโอกาส เพราะทุกครั้งที่เราจ่ายค่าชำระไปเห็นเงินที่จ่ายไปแต่ละเดือนจะโดนหักดอกเบี้ย ไปมากกว่าเงินต้น และหลายคนมักเข้าใจผิดว่าเมื่อกู้บ้านกับธนาคารแล้วจะต้องผ่อนชำระในแต่ละเดือนตามจำนวนเงินที่ธนาคารกำหนดไว้ในสัญญาเงินกู้บ้านเท่านั้น และหากโปะหรือปิดบ้านต้องเสียค่าธรรมเนียม  แต่ในความเป็นจริงแล้วเราสามารถจ่ายค่าผ่อนบ้านในแต่ละเดือนได้มากกว่าที่ธนาคารกำหนดเพียงแต่ต้องกำชับกับเจ้าหน้าที่ว่า เงินก้อนที่เรานำมาจ่ายนั้นเราจ่ายเพื่อต้องการตัดเงินต้นด้วยยอดจำนวนเท่าไหร่...

สำหรับคนที่มีบ้านและที่มีแพลนกำลังจะซื้อบ้าน บางครั้งก็คงเคยได้ยินคนอื่นเค้าพูดกันเกี่ยวกับรีไฟแนนซ์บ้าน เพราะถ้าไม่รีไฟแนนซ์บ้านอัตราดอกเบี้ยจะเพิ่มขึ้น ที่เค้าเรียกกันว่า MRR แต่เดี๋ยวก่อน MRR คืออะไร หลายคนคงสงสัยมีบ้านแล้ว MRR เกี่ยวข้องยังไง ทำไมคนเค้าถึงพูดกันบ่อยจัง วันนี้ มาสิ จะอธิบายเพื่อให้เพื่อนๆเข้าใจง่ายกับคำว่า อัตราดอกเบี้ย MRR สิ่งแรกที่คุณต้องรู้จักก่อนนั้นก็คือ “ดอกเบี้ยเงินกู้” อัตราดอกเบี้ยเงินกู้มี 2 แบบด้วยกัน คือ แบบคงที่ และ แบบลอยตัว อัตราดอกเบี้ยเงินกู้แบบคงที่ คือ อัตราดอกเบี้ยที่กำหนดไว้เป็นตัวเลขเฉพาะ ไม่ขึ้นหรือลงตามต้นทุนของธนาคาร และจะคงที่ตลอดอายุสัญญาเงินกู้หรือช่วงระยะเวลาที่ธนาคารกำหนดไว้ อัตราดอกเบี้ยเงินกู้แบบลอยตัว คือ อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่เปลี่ยนแปลงไปตามต้นทุนของธนาคาร ซึ่งธนาคารจะประกาศให้ทราบข้อมลูเป็นคราวๆไป...

สำหรับหลายๆคนบ้านถือเป็นความฝันที่ทุกคนอยากมีเพื่อสร้างครอบครัว หรือ ให้เป็นของขวัญสำหรับบิดา มารดา และเป็นสิ่งที่บ่งบอกถึงความสำเร็จในชีวิต แต่สมัยนี้บ้านมีราคาเริ่มต้นค่อนข้างสูง ก่อนที่จะซื้อบ้านหนึ่งหลัง คุณคงเคยสงสัยมั้ยว่า มีเงินเดือนเท่านี้ จะกู้ได้เท่าไหร่ วันนี้ มาสิ จะพาคุณคำนวณกับหลักสูตรที่เข้าใจง่าย สำหรับบ้านทั่วไป เราสามารถขอกู้ได้ถึง 85% ของราคาที่ทำการประเมิน และ ขอกู้ได้ไม่เกิน 85% ของราคาซื้อขาย แต่สำหรับในส่วนของอาคารพาณิชย์ เราจะสามารถกู้สูงสุดได้ไม่เกิน 75% ของราคาประเมิน และก็ไม่เกิน 75% ของราคาซื้อขาย สามารถกู้ได้โดยคิดจากรายได้ที่มี โดยคิดเป็นประมาณไม่เกิน 40 เท่าของเงินเดือนผู้กู้ 15 เท่าของรายได้อื่นๆ และสำหรับคนที่ประกอบอาชีพอิสระ ก็จะสามารถขอกู้ได้ไม่เกิน...