หากพูดถึงประกันรถยนต์ หลายคนก็คงนึกถึง ประกันรถยนต์ทั่วไป เช่น ประกันรถยนต์ชั้น 1 ประกันรถยนต์ชั้น 2+ ประกันรถยนต์ชั้น 3+ เป็นต้น ซึ่งรถยนต์ทั่วไป ไม่ว่าจะเป็น รถเก๋ง รถกระบะ รถตู้ รถมือสอง ก็สามารถเลือกทำประกันรถยนต์ได้ตามที่ต้องการ แล้วถ้าเป็นรถซูเปอร์คาร์ หรือ รถหรูราคาแพงๆ อย่างพวก Lamborghini, Ferrari, Porsche จะเลือกทำประกันรถยนต์แบบไหน แล้วจะแตกต่างจากการทำประกันรถยนต์ทั่วไปหรือไม่ เราไปหาคำตอบกับ masii กันเลยค่ะ
รถซูเปอร์คาร์ ทำประกันรถยนต์แบบไหนดี
รถยนต์ซูเปอร์คาร์ เป็นรถยนต์ที่มีสมรรถนะสูง ออกแบบมาเพื่อใช้งานด้านความเร็ว ด้วยเครื่องยนต์ระดับไฮคลาส และมีดีไซน์ตัวรถในรูปแบบสปอร์ต ใช้วัสดุทนทาน ซึ่งหากเกิดความเสียหายจะต้องส่งซ่อมเฉพาะอู่ซ่อมของค่ายรถนั้นๆ ซึ่งการทำประกันรถซูเปอร์คาร์นั้น จะได้รับความคุ้มครองเช่นเดียวกับการทำประกันรถยนต์ทั่วไป เช่น ประกันรถยนต์ชั้น 1 ก็จะได้รับความคุ้มครองที่ครอบคลุมไม่ต่างจากรถยนต์อื่นๆ ที่ทำประกันรถยนต์ชั้น 1 คือ คุ้มครองอุบัติเหตุรถชน รถชนไม่มีคู่กรณี รถหาย ไฟไหม้รถ น้ำท่วมรถ ชดเชยค่ารักษาพยาบาล อุบัติเหตุส่วนบุคคลทั้งของผู้เอาประกันและคู่กรณี ฯลฯ
ความคุ้มครองประกันรถยนต์ชั้น 1
- คุ้มครองความเสียหายต่อชีวิตและร่างกายของผู้เอาประกันและคู่กรณี
- คุ้มครองความเสียหายต่อทรัพย์สินของผู้เอาประกันและคู่กรณี
- คุ้มครองกรณีที่เกิดอุบัติเหตุแบบไม่มีคู่กรณี เช่น รถชนกำแพง ชนต้นไม้ ชนฟุตบาท เป็นต้น
- คุ้มครองกรณีรถหาย ไฟไหม้รถ น้ำท่วมรถ
- ค่ารักษาพยาบาล และค่าชดเชยอุบัติเหตุส่วนบุคคล ของผู้ขับขี่ ผู้โดยสาร และคู่กรณี
- ค่าประกันตัวผู้ขับขี่ในคดีอาญา
แต่การทำประกันรถซูเปอร์คาร์นั้นจะมีความแตกต่างกันที่ ค่าเบี้ยประกันรถซูเปอร์คาร์จะมีราคาที่สูงมากๆ นั่นก็เพราะว่ารถซูเปอร์คาร์ที่นำมาประกันนั้นมีราคาสูง หากเกิดอุบัติเหตุแล้วต้องเคลมประกัน พวกค่าซ่อม ค่าบำรุงรักษาต่างๆ ก็จะแพงมากๆ นั่นเอง
เงื่อนไขการรับประกันรถซูเปอร์คาร์
1. กำหนดผู้ทำประกันภัยรถซูเปอร์คาร์ 2 คน
โดยปกติแล้วการทำประกันรถยนต์แบบทั่วไป จะลงชื่อผู้ทำประกันแค่เพียงคนเดียว แต่ถ้าเป็นประกันรถซูเปอร์คาร์ จะต้องลงชื่อผู้ทำประกันถึง 2 คน เพื่อเป็นการป้องกันเหตุการณ์ที่ผู้อื่นนำรถไปขับแล้วเกิดอุบัติเหตุ เช่น ยืมรถไปขับแล้วเกิดรถชน เป็นต้น
2. ต้องเสียค่าเสียหายส่วนแรก (Deductible) ราคาสูง
เนื่องจากรถซูเปอร์คาร์นั้นมีราคาสูง เมื่อเกิดอุบัติเหตุในแต่ละครั้ง ค่าซ่อมแซมต่างๆ ก็ย่อมสูงมากเช่นกัน เวลาเคลมประกันในแต่ละครั้งจึงไม่ต่ำกว่าหลายล้าน ทางบริษัทประกันจึงต้องกำหนดเงื่อนไขอย่างละเอียด เพื่อไม่ให้ค่าความเสียหายสูงเกินมาตรฐานคือ 70% ยกตัวอย่างเช่น รถยนต์ Porsche ต้องมีผู้ทำประกัน 2 คน มีค่าเสียหายส่วนแรก 200,000 บาทต่อครั้ง ค่าเบี้ยประกันเริ่มต้นที่ 700,000 บาท ต่อทุนประกันรถยนต์ที่ได้รับ 30 ล้านบาท เป็นต้น ซึ่งค่าเสียส่วนแรกนี้ สามารถใช้เป็นส่วนลดการซื้อประกันรถยนต์ได้
3. รับประกันรถยนต์ที่มาจากบริษัทนำเข้าหรือดีลเลอร์
บริษัทประกันภัยที่รับประกันรถซูเปอร์คาร์ มักมีการเข้มงวดมากกว่าการทำประกันรถยนต์ทั่วไป เนื่องจากรถซูเปอร์คาร์นั้นเสี่ยงต่อการสวมทะเบียนและเลี่ยงภาษีได้ง่าย บริษัทประกันจึงเน้นรับประกันภัยจากบริษัทนำเข้ารถซูเปอร์คาร์หรือจากดีลเลอร์เท่านั้น
4. ไม่รับประกันเมื่อเกิดอุบัติเหตุจากความมึนเมา
แม้ว่าการทำประกันรถซูเปอร์คาร์จะได้รับความคุ้มครองเช่นเดียวกับการทำประกันรถยนต์ทั่วไป แต่ก็จะมีข้อยกเว้นที่ทางบริษัทไม่รับประกัน นั่นก็คือ กรณีที่ผู้ขับขี่มึนเมาสุรา หรือ มีปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดเกินกว่า 50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ หรือพูดง่ายๆ คือ ถ้าเมาแล้วขับจนทำให้รถยนต์เกิดอุบัติเหตุ ก็จะไม่ได้รับความคุ้มครองนั่นเอง
การทำประกันรถยนต์ในปัจจุบันถือว่ามีความจำเป็นมาก เพราะว่าอุบัติเหตุบนท้องถนนนั้นเป็นสิ่งที่ไม่สามารถคาดเดาได้เลย ซึ่งหากรถยนต์ของเราได้ทำประกันไว้ก็จะช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายในการซ่อมรถ หรือชดเชยค่าเสียหายต่างๆ ได้มากเลยทีเดียว ยิ่งถ้าเป็นรถซูเปอร์คาร์ที่มีราคาแพงด้วยแล้ว ยิ่งต้องทำประกันรถยนต์ที่ให้ความคุ้มครองสูงสุด
สนใจสมัครประกันรถยนต์
แต่หากใครที่มีรถยนต์ทั่วไปใช้อยู่ และต้องการทำประกันรถยนต์ แต่ไม่รู้จะเลือกประกันรถยนต์แบบไหนดีละก็ สามารถ คลิกที่นี่ เพื่อเปรียบเทียบประกันรถยนต์ ได้ง่ายๆ หรือโทรมาสอบถามเพิ่มเติมที่ 02 710 3100 หรือแอดไลน์มาเป็นเพื่อนกับเราที่ @masii เพื่อติดตามข่าวสารหรือบทความที่น่าสนใจเกี่ยวกับ ประกันรถยนต์ ประกันมอเตอร์ไซค์ ประกันภัยโดรน ประกันการเดินทาง ประกันสุขภาพ รวมไปถึง สินเชื่อส่วนบุคคล และบัตรเครดิตจากสถาบันการเงินชั้นนำได้เลยค่ะ