ทำความรู้จัก ค่าขาดประโยชน์ คืออะไร

ทำความรู้จัก ค่าขาดประโยชน์ คืออะไร
ทำความรู้จัก ค่าขาดประโยชน์ คืออะไร
สมัครรถแลกเงินโปรโมชั่น แจกฟรี Voucher Lazada

หากพูดถึง อุบัติเหตุทางรถยนต์ ไม่ว่าใครก็คงไม่อยากให้เกิดขึ้นกับตัวเองทั้งนั้น เพราะนอกจากจะเกิดความเสียหายต่อร่างกายและทรัพย์สินแล้ว ยังเสียเวลาในการรอซ่อมรถให้กลับมาใช้งานได้เหมือนเดิมอีกด้วย ซึ่งคุณรู้ไหมว่าเราสามารถเบิกค่าใช้จ่ายที่ใช้ในการเดินทาง รวมถึงค่าเสียเวลา หรือที่เรียกว่า ค่าขาดประโยชน์ ได้จากประกันของคู่กรณีที่เป็นฝ่ายผิดได้ วันนี้ masii เลยขอพาเพื่อนๆ มาทำความรู้จักกับ ค่าขาดประโยชน์ กันให้มากขึ้นว่า ค่าขาดประโยชน์ คืออะไร และต้องใช้เอกสารอะไรในการขอสินไหมค่าประโยชน์บ้าง

ทำความรู้จัก ค่าขาดประโยชน์ คืออะไร

ทำความรู้จัก ค่าขาดประโยชน์ คืออะไร

ค่าขาดประโยชน์ เป็นส่วนหนึ่งของค่าสินไหมทดแทน ที่บริษัทประกันภัยจะต้องเข้ามารับผิดชอบแทนผู้ขับขี่ กรณีที่รถคันเอาประกันภัยเป็นฝ่ายผิด หรือพูดง่ายๆ ก็คือ เราจะสามารถเบิกค่าขาดประโยชน์จากบริษัทประกันรถของคู่กรณีได้ก็ต่อเมื่อเราเป็นฝ่ายถูกกระทำในอุบัติเหตุและพิสูจน์มาแล้วว่าเราเป็นฝ่ายถูก โดยสามารถเรียกร้องค่าขาดประโยชน์ ระหว่างที่นำรถเข้าซ่อมและไม่มีรถใช้งาน เป็นค่าแท็กซี่ ค่าเช่ารถ หรือค่าเดินทางอื่นๆ ที่ต้องใช้ในระหว่างรอซ่อมรถ โดยเบิกตามค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริง พร้อมมีเอกสารแนบให้ครบถ้วน

ทำความรู้จัก ค่าขาดประโยชน์ คืออะไร

โดยทางสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ได้กำหนดวงเงินหรืออัตราขั้นต่ำของ “ค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถ” สำหรับให้บริษัทประกันจ่ายให้แก่ผู้เสียหายที่เป็นคู่กรณี ซึ่งได้มีการกำหนดอัตราค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถ โดยแบ่งเป็น 3 กลุ่ม ดังนี้

  1. รถยนต์ส่วนบุคคลไม่เกิน 7 ที่นั่ง (รวมผู้ขับขี่) กำหนดค่าขาดประโยชน์ไม่น้อยกว่าวันละ 500 บาท
  2. รถยนต์รับจ้างสาธารณะ ขนาดไม่เกิน 7 ที่นั่ง (รวมผู้ขับขี่) กำหนดค่าขาดประโยชน์ไม่น้อยกว่าวันละ 700 บาท
  3. รถยนต์ขนาดเกินกว่าเกิน 7 ที่นั่ง (รวมผู้ขับขี่) กำหนดค่าขาดประโยชน์ไม่น้อยกว่าวันละ 1,000 บาท

ทำความรู้จัก ค่าขาดประโยชน์ คืออะไร

เอกสารที่ใช้ในการขอสินไหมค่าขาดประโยชน์

  1. ใบนำรถยนต์เข้าซ่อม ใบรับรถยนต์ จากอู่ซ่อมรถ ที่มีการระบุวันรับรถและวันซ่อมรถเสร็จอย่างชัดเจน
  2. ใบเคลม หรือ ใบรับรองความเสียหายที่เจ้าหน้าที่เคลมประกันได้ออกให้พร้อมระบุว่ารถมีความเสียหายตรงไหนบ้าง
  3. สำเนาทะเบียนรถยนต์ เพื่อระบุว่าใครเป็นเจ้าของรถ (หากรถติดไฟแนนซ์อยู่ ให้นำสำเนาสัญญาไฟแนนซ์มาด้วย)
  4. สำเนาบัตรประชาชนของเจ้าของรถ
  5. สำเนาใบขับขี่รถยนต์
  6. สำเนาตารางกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ ต้องเซ็นรับรองสำเนาถูกต้องกำกับไว้ด้วย
  7. ใบมอบอำนาจ (ในกรณีที่ไม่สามารถดำเนินเรื่องเองได้)
  8. เอกสารประกอบการใช้รถยนต์แต่ละวัน หรือ ใบเสร็จค่าใช้จ่ายในการเดินทางระหว่างที่ไม่มีรถใช้ เช่น ค่าเช่ารถ ค่าแท็กซี่ เป็นต้น
  9. แบบฟอร์มเรียกค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถระหว่างซ่อม

ทำความรู้จัก ค่าขาดประโยชน์ คืออะไร

เห็นไหมว่าการทำประกันรถยนต์นั้น ช่วยให้ความคุ้มครองทั้งแก่ผู้เอาประกัน และคู่กรณีเป็นอย่างมาก อย่างไรแล้วหากเกิดเหตุการณ์นี้เมื่อไร ก็อย่าลืมเรียกร้องสิทธิหรือค่าขาดประโยชน์ที่เราควรจะได้รับด้วยนะคะ โดยสำหรับใครที่ต้องการทำประกันรถยนต์แต่ยังไม่รู้ว่าจะเลือกทำประกันรถยนต์ประเภทไหนดีละก็ สามารถ คลิกที่นี่ เพื่อเปรียบเทียบประกันรถยนต์ กับเว็บไซต์มาสิได้ง่ายๆ เลยค่ะ

สนใจสมัครประกันรถยนต์ 

regis-but
สนใจสมัคร!

หรือหากมีคำถามหรือข้อสงสัยเพิ่มเติม ก็สามารถโทรศัพท์มาพูดคุยสอบถามกับทีมงานได้ที่ 02 710 3100 หรือแอดไลน์มาเป็นกับเราที่ @masii (มี @ ด้วยนะ) เพื่อติดตามข่าวสารและโปรโมชั่นที่น่าสนใจเกี่ยวกับ ประกันรถยนต์ ประกันมอเตอร์ไซค์ ประกันบิ๊กไบค์ ประกันการเดินทาง ประกันภัยโดรน รวมไปถึง สินเชื่อส่วนบุคคล และบัตรเครดิต จากสถาบันการเงินชั้นนำได้เลยค่ะcar insurance banner