ก่อนวันจริงที่เราจะทำข้อสอบใบขับขี่เราจะต้องเตรียมความพร้อมร่างกาย และเอกสารต่างๆ เพื่อเข้าสู่การอบรม การสอบภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติครับ จะช่วยทำให้เราสอบใบขับขี่ได้อย่างผ่านฉลุย !! หากใครที่ยังไม่รู้ว่าจะต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง วันนี้เพนกวิน Frank.co.th ผู้รู้เฟื่องเรื่องประกันภัยจะเอาเคล็ดลับ (ที่ไม่ลับ) ในการเตรียมสอบใบขับขี่มาฝากชาว masii.co.th กันด้วยนะ รับรองว่าสอบครั้งนี้ผ่านแน่นอนครับ
7 สิ่งที่ต้องเตรียมก่อนสอบใบขับขี่
1.จองวันสอบก่อนล่วงหน้า
อันดับแรกให้เราติดต่อจองวันสอบได้ที่กรมการขนส่งทางบก ซึ่งจะมีสำนักงานในเขตกรุงเทพฯ ทั้งหมด 5 แห่ง ได้แก่ สำนักงานขนส่งพื้นที่เขต 1 (บางขุนเทียน) , สำนักงานขนส่งพื้นที่เขต 2 (ตลิ่งชัน) , สำนักงานขนส่งพื้นที่เขต 3 (สุขุมวิท 62) , สำนักงานพื้นที่ขนส่ง เขต 4 (หนองจอก) และสำนักงานใหญ่พื้นที่ 5 (จตุจักร) ส่วนในเขตต่างจังหวัดก็สามารถหาจองได้ที่สำนักงานขนส่งต่างจังหวัดเช่นกันครับ เอาเป็นว่า เพนกวินเเฟรงค์จะมาแนะนำวิธีการจอง 3 ช่องทางง่ายๆ ดังนี้
- จองคิวอบรมด้วยตัวเองที่กรมขนส่ง (สาขาใกล้บ้านหรือตามสะดวก)
- โทรจองคิวผ่านทางโทรศัพท์ เบอร์ 02-2718888 หรือเบอร์ 1584
- ยื่นจองคิวสอบใบขับขี่รถยนต์ออนไลน์ได้ด้วย
- จองคิวสอบใบขับขี่กับเอกชน (ที่ผ่านการรับรองจากกรมขนส่งทางบก)
** แนะนำให้รีบจองคิวตั้งแต่เนิ่นๆ เพราะแต่ละพื้นที่จะมีคนเข้ามาติดต่อเยอะ หรือถ้าไม่สะดวกเข้าไปติดต่อ ก็สามารถจองผ่านระบบออนไลน์ได้เลย
2.นำเอกสารที่ต้องใช้ไปให้ครบ
เราจะขาดเอกสารที่สำคัญไม่ได้เลย !! เพราะนั่นเป็นหลักฐานแสดงให้เห็นว่า คุณมีคุณสมบัติในการเข้าสอบใบขับขี่หรือไม่? เช่น อายุและสายตา เป็นต้น เราจะต้องยื่นเอกสารต่างๆ ให้กับทางเจ้าหน้าที่ในวันสอบจริง ซึ่งเอกสารที่เราจะต้องเตรียมสอบใบขับขี่ จะมีตามนี้ครับ
- บัตรประชาชนตัวจริง
- สำเนาบัตรประชาชน 1 ชุด
- ใบรับรองแพทย์ อายุไม่เกิน 1 เดือน (จากคลินิก หรือโรงพยาบาลก็ได้)
- ใบรับรองการอบรม (กรณีอบรมนอกกรมขนส่ง)
** สำหรับชาวต่างชาติ (ไม่มีบัตรประชาชน) ให้ยืนใบสำคัญบัตรประจำตัวคนต่างด้าว หรือหนังสือเดินทาง Passport พร้อมสำเนาถูกต้อง หากเอกสารขาดอย่างใดอย่างหนึ่ง เราจะไม่สามารถเข้าสอบได้นะครับ ดังนั้น อย่าลืมนำเอกสารที่จำเป็นไปให้ครบในวันสอบจริงด้วย
3.เตรียมร่างกายให้พร้อม
เชื่อว่าหลายคนที่สอบใบขับขี่ไม่ผ่านนั้น ก็มาจากสาเหตุร่างกายไม่พร้อม เนื่องจากบางคนป่วยหนักขณะสอบ หรือบางคนก็นอนไม่เพียงพอ จึงไม่สามารถใช้สมาธิสอบภาคปฏิบัติได้ ฉะนั้นเราทุกคนจะต้องเตรียมความพร้อมร่างกายให้ดีซะก่อน อย่างเช่น นอนหลับให้เพียงพอ ไม่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ รวมถึงการดูแลตัวเองครับ หลังจากนั้นร่างกายของคุณก็จะปรับตัวได้ดี นอกจากนี้เขาก็จะมีให้ทดสอบสมรรถนะทางร่างกายด้วยนะ ไม่ว่าจะเป็น ทดสอบการมองเห็น ทดสอบสายตาทางลึก ทดสอบสายตาทางกว้าง และทดสอบปฏิกิริยาเท้าครับ
4. อ่านข้อสอบให้ชัวร์อีกครั้ง
เมื่อจะใกล้จะถึงวันสอบจริง เราก็อย่าลืมอ่านข้อสอบใบขับขี่ให้แน่ใจซะก่อน เพื่อทำให้เรามั่นใจและทำข้อสอบได้ผ่านชัวร์ ๆ โดยข้อสอบจะมีทั้งหมด 50 ข้อ แบบปรนัย ให้ตัวเลือก (ก-ง) และต้องทำให้ได้ 45 ข้อขึ้นไป ภายในระยะเวลา 60 นาที จึงถือว่าคุณสอบผ่าน แต่ถ้าเพื่อนๆ ยังห่วงเรื่องของการทำข้อสอบ ก็ไม่ต้องกังวลเลยนะครับ วันนี้เพนกวิน Frank มี เเนวข้อสอบใบขับขี่ 2562 มาฝากเพื่อนๆ กันด้วยนะ รับรองไม่ยากอย่างที่คิด
- อ่าน! สัญลักษณ์ป้ายจราจรและเครื่องหมายที่สำคัญ เช่น ป้ายจราจรบังคับ ป้ายจราจรเตือน ป้ายจราจรแนะนำ และเครื่องหมายบนพื้นทาง
- อ่าน! วิธีการขับรถให้ปลอดภัย เช่น หากรถเสียหลักจะต้องทำยังไง? หรือวิธีการเปลี่ยนช่องจราจรบนท้องถนน
- อ่าน! วิธีดูแลรถยนต์เบื้องต้น เช่น การเติมเเบตเตอรี่ การเติมถังพักหม้อน้ำ การเช็คสภาพรถ และการขับรถลุยน้ำขณะน้ำท่วม เป็นต้น
- อ่าน! กฎหมายทั่วไป เช่น อายุของใบขับขี่ชั่วคราว การเสียค่าปรับ การเปลี่ยนสีรถ ใบขับขี่หมดอายุ และการบรรทุกสิ่งของ เป็นต้น
- อ่าน! มารยาทการขับรถทั่วไป เช่น การใช้แตรรถ การจอดรถ การเปิดไฟสูง และการให้ทางร่วม เป็นต้น
ถ้าเราอ่านและทำความเข้าใจเบื้องต้น เชื่อว่าคุณก็จะทำข้อสอบได้ผ่านครับ และการสอบภาคทฤษฎีนั้น เราจะต้องทำผ่านระบบ E-exam (แบบอิเล็กทรอนิกส์) เพื่อให้สะดวกต่อผู้เข้าสอบ แถมยังมีระบบฟังเสียงภาษาไทยสำหรับผู้ที่อ่านหนังสือไม่ออกอีกด้วย เพียงแค่นี้คุณก็พร้อมทำใบขับขี่ได้เลย
5.ฝึกท่าสอบปฏิบัติด้วยก็ดี
สำหรับการสอบภาคปฏิบัติ ก็เป็นหนึ่งสุดหินในการสอบใบขับขี่เลยครับ ถ้าเราฝึกซ้อมมาก่อนก็จะช่วยทำให้เราสอบผ่าน และไม่ตื่นเต้นในวันสอบจริงอีกด้วย โดยจะมีทั้งหมด 3 ท่าด้วยกัน ตามนี้
- ขับรถเดินหน้าและถอยหลังในทางตรง เพียงให้เราเดินหน้ารถในระยะ 12 เมตร และถอยหลัง โดยห้ามขับชนหรือเบียดเสาเด็ดขาด ถ้าทำได้ก็ผ่านด่านต่อไปได้เลย
- ขับรถเดินหน้าและหยุดรถเทียบทางเท้า ต่อมาจะเป็นท่าตกม้าตายง่ายสุด เพราะเราต้องเว้นระยะห่างให้พอดีกับทางจอดขนาน ห่างไม่เกิน 25 ซม. อีกทั้งล้อหน้าและล้อหลังต้องทับเส้นจอดด้วยนะ
- ขับรถถอยเข้าซอง สุดท้ายแล้วจะเป็นด่านปราบเซียน ให้เราเข้าจอดในซองโดยห้ามเปลี่ยนเกียร์เกินกว่า 7 ครั้ง โดยห้ามชนเสาหรือฟุตบาธเด็ดขาด และกระจกข้างต้องไม่เกินเส้นที่กำหนดไว้
6.อย่าลืมเตรียมรถไปสอบด้วย
แนะนำให้เรานำรถยนต์ หรือรถมอเตอร์ไซค์ไปด้วยนะครับ เนื่องจากเราจะได้คุ้นชินกับรถที่เราเคยขับ และซ้อมประจำครับ แต่ถ้าใครที่ไม่มีรถของตัวเองแล้วอยากสอบใบขับขี่ ทางกรมการขนส่งทางบกแต่ละพื้นที่ จะมีรถให้เช่าขับด้วยนะ คิดราคาเช่ารอบละ 100 บาท มีให้เลือกทั้งสองแบบ ได้แก่ เกียร์ธรรมดา และเกียร์ออโต้ครับ สามารถติดต่อในบริเวณพื้นที่เช่ารถสอบได้เลย แต่ข้อเสียของการเช่ารถของขนส่งกรณีที่เราไม่ได้เอารถมาเอง จะทำให้เรารู้สึกเกิดความประหม่าและสอบผิดท่าได้ แต่ถ้าจำเป็นต้องใช้รถเช่าจริงๆ หลังจากสตาร์ทเครื่องยนต์ควรเช็กอุปกรณ์ในรถให้ดีก่อน จะได้คุ้นเคยกับตัวรถขณะสอบภาคปฏิบัติในวันจริง
** สำหรับคนที่เตรียมสอบใบขับขี่รถมอเตอร์ไซค์ ก็อย่าลืมนำหมวกกันน็อกไปด้วยนะ หรือใครไม่มีก็สามารถติดต่อขอเช่ากับทางสนามสอบได้เช่นกัน ถ้าเราไม่มีหมวกกันน็อก ก็จะไม่มีสิทธิ์เข้าสอบภาคปฏิบัติ เพื่อขอใบขับขี่รถมอเตอร์ไซค์ครับ
7.เตรียมเงินค่าธรรมเนียมทำใบขับขี่
สุดท้ายแล้วในการเตรียมสอบใบขับขี่ ให้เราพกเงินสดติดตัวไปด้วยกรณีทำใบขับขี่ครับ พอหลังจากเราทำข้อสอบภาคปฏิบัติและภาคทฤษฎีผ่านแล้ว ก็จะได้เอกสารไปทำใบขับขี่ (ชั่วคราว) ซึ่งอัตราค่าธรรมเนียมใบขับขี่แต่ละประเภทจะต่างกัน และจะมีค่าคำขอเพิ่มอีก 5 บาทด้วย เราลองมาดูกันครับ
- ใบอนุญาตขับรถยนต์ชั่วคราว อายุ 2 ปี ค่าธรรมเนียม 200 บาท + ค่าคำขอ 5 บาท รวมเป็นเงิน 205 บาท
- ใบอนุญาตขับรถจักรยานยนต์ชั่วคราว อายุ 2 ปี ค่าธรรมเนียม 100 บาท + ค่าคำขอ 5 บาท รวมเป็นเงิน 105 บาท
- ใบอนุญาตขับรถยนต์ส่วนบุคคล อายุ 5 ปี ค่าธรรมเนียม 500 บาท + ค่าคำขอ 5 บาท รวมเป็นเงิน 505 บาท
- ใบอนุญาตขับรถจักรยานยนต์ส่วนบุคคล อายุ 5 ปี ค่าธรรมเนียม 250 บาท + ค่าคำขอ 5 บาท รวมเป็นเงิน 255 บาท
** หรือใครที่อยากได้บัตรพลาสติกสำหรับใส่ใบขับขี่ ก็ให้เตรียมเงินอีก 100 บาทด้วยนะครับ ยิ่งถ้าเราเตรียมเงินสำรองไว้กรณีฉุกเฉินก็ย่อมดีกว่าครับ
จากข้างต้น จะเป็นแนวทางการเตรียมสอบใบขับขี่ครับ เชื่อว่าถ้าเราเตรียมตัวก่อนล่วงหน้า มันจะช่วยทำให้คุณสอบใบขับขี่ได้อย่างผ่านฉลุย แล้วที่สำคัญก่อนเข้าไปสอบใบขับขี่อย่าลืมแต่งกายให้เรียบร้อยกันด้วยนะ เพราะสนามสอบที่กรมการขนส่งทางบกนั้นเป็นสถานที่ข้าราชการ อีกทั้งยังช่วยทำให้คุณขับขี่อย่างสะดวกด้วย หรือใครที่ไม่มีเวลาเข้าไปสอบที่กรมการขนส่งทางบก ปัจจุบันจะมีหลักสูตรอบรมของทางเอกชนหลายแห่งเลยครับ สามารถเลือกเรียนได้ตามวันเวลาที่ต้องการ ถึงแม้จะต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นหน่อย แต่ก็มันช่วยคุณประหยัดเวลาได้ดีครับ หลังจากคุณเตรียมเอกสาร และทุกอย่างพร้อมแล้ว ก็ไปลุยสนามสอบในวันจริงกันได้เลย !!
ขอบคุณข้อมูลจาก frank.co.th