ปัจจุบันนี้มีเหล่าไบค์เกอร์หน้าใหม่ออกรถบิ๊กไบค์มาขับขี่บนท้องถนนกันมากขึ้น เพราะนอกจากจะดูสวยเท่ โดดเด่นสะดุดตาแล้ว รถบิ๊กไบค์ยังมีสมรรถนะที่แรงเร้าใจ เร่งเครื่องได้เร็วไว ขับไปไหนมาไหนก็สะดวก คล่องตัว แต่ถ้าเราขี่บิ๊กไบค์อย่างไม่ระวัง หรือไม่รู้จักวิธีขี่บิ๊กไบค์ที่ถูกต้อง ก็อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ง่ายๆ วันนี้ masii ก็เลยมีเทคนิคการขี่บิ๊กไบค์ในช่วงเข้าโค้ง มาฝากชาวไบค์เกอร์ทั้งหลาย เพราะรถบิ๊กไบค์มีขนาดใหญ่ และค่อนข้างหนัก หากเลี้ยวอย่างไม่ถูกวิธี ก็อาจเป็นอันตรายได้ ว่าแล้วมาดูกันเลยดีกว่าจะมีเทคนิคการเข้าโค้งแบบใดบ้าง
4 ท่าเข้าโค้งแบบวิถีของไบค์เกอร์
อย่างที่บอกไปรถบิ๊กไบค์เป็นรถที่มีขนาดใหญ่ มีน้ำหนักมาก และมีเครื่องยนต์ที่แรงกว่ามอเตอร์ไซค์ทั่วๆ ไป จึงต้องขี่อย่างระมัดระวัง โดยเฉพาะตอนที่กำลังเลี้ยวโค้ง ก็ต้องมีท่าเข้าโค้งที่เหมาะสมกับความเร็วของรถบิ๊กไบค์ในขณะนั้น ซึ่งแบ่งเป็น 4 ท่า ดังนี้
1. ท่า Lean-Out (ลีน–เอาท์)
การเข้าโค้งด้วยท่า Lean-Out นี้ จะเหมาะกับการเลี้ยวโค้งแคบๆ หรือเลี้ยวด้วยความเร็วต่ำ เพื่อรักษาความสมดุล โดยผู้ขี่จะต้องถ่วงน้ำหนักตัวไปคนละฝั่งกับการเอียงของรถ โดยจะเอียงตัวไปด้านในโค้งเล็กน้อย เหมาะกับการขี่บิ๊กไบค์บนถนนที่ลื่นไถลง่าย หรือเป็นดินเลน โคลน ส่วนมากจะเห็นการเลี้ยวโค้งท่านี้ในการขี่มอเตอร์ไซค์วิบาก
2. ท่า Lean-With (ลีน–วิธ)
สำหรับการเข้าโค้งด้วยท่า Lean-With ถือเป็นท่าเข้าโค้งแบบมาตรฐานของการขี่รถมอเตอร์ไซค์ทุกประเภท ทั้งยังเป็นท่าที่เหมาะสมและมีความปลอดภัยมากที่สุด เพราะในขณะเข้าโค้ง ช่วงขาและเข่าของผู้ขับขี่จะแนบกระชับไปตัวถังของรถ เพื่อใช้บังคับทิศทางขณะเลี้ยว ช่วยให้ควบคุมรถและเปลี่ยนทิศทางได้อย่างง่ายดาย เหมาะกับการเข้าโค้งด้วยความเร็วประมาณ 50-80 กม./ชม.
3. ท่า Lean-In (ลีน–อิน)
แต่หากผู้ขับขี่ใช้ความเร็วที่มากขึ้น ควรเข้าโค้งด้วยท่า Lean-In คือให้ผู้ขี่ถ่วงน้ำหนักหรือทิ้งตัวไปทางด้านในโค้ง ให้ลำตัวเอียงกว่าตัวรถเล็กน้อย จะช่วยให้ตัวรถยึดเกาะถนนได้ดี
4. ท่า Hang-On (แฮงก์–ออน)
ส่วนท่าสุดท้าย เป็นท่าที่เราอาจคุ้นตากันดีในการแข่งขันมอเตอร์ไซค์ในทางเรียบ หรือประเภทเรซซิ่ง ซึ่งเป็นการเข้าโค้งด้วยความเร็วสูง โดยผู้ขับขี่จะต้องถ่วงน้ำหนักไปด้านในโค้งให้มาก เอียงตัวออกมาจากเบาะ กางศอก กางเข่า พร้อมกับถ่ายเทน้ำหนักดึงรถลงมาเพื่อให้ทรงตัวได้สมดุลกับแรงโน้มถ่วงขณะที่เข้าโค้งด้วยความเร็วนั่นเอง เหมาะกับการเข้าโค้งในสนามแข่งรถเท่านั้น
เท่านี้ก็ได้ทราบกันไปแล้วกับ 4 ท่าเข้าโค้งบิ๊กไบค์ แบบวิถีของไบค์เกอร์ อย่างไรก็ตามในการขี่บิ๊กไบค์ก็ต้องเลือกท่าควบคุมรถที่เหมาะสมกับความเร็วและสถานการณ์ในขณะนั้นด้วย เพื่อความปลอดภัย ไม่ใช้ความเร็วเกินกำหนด และไม่ประมาท และถ้าจะให้ดีมาสิขอแนะนำว่าควรทำประกันมอเตอร์ไซค์ หรือประกันบิ๊กไบค์ไว้ด้วย เพื่อความอุ่นใจ หากเกิดอุบัติเหตุ รถล้ม รถชน หรือรถหาย ก็ยังได้รับความคุ้มครองจากประกันมอเตอร์ไซค์ ทั้งค่ารักษาพยาบาล คุ้มครองทั้งผู้ขับขี่ ผู้โดยสาร และคู่กรณีอีกด้วย
สนใจสมัครประกันมอเตอร์ไซค์
แต่ความคุ้มครองประกันมอเตอร์ไซค์ก็ขึ้นอยู่กับประเภทของกรมธรรม์นะคะ หากเลือกเป็นประกันมอเตอร์ไซค์ชั้น1 ก็จะคุ้มครองได้ครอบคลุมมากที่สุด ซึ่งเหมาะอย่างยิ่งกับผู้ขับขี่บิ๊กไบค์ ที่สำคัญค่าเบี้ยประกันไม่แพงด้วยนะ และหากใครสนใจอยากทำประกันบิ๊กไบค์ หรือประกันมอเตอร์ไซค์ชั้น 1, ประกันมอเตอร์ไซค์ชั้น 2 หรือ ประกันมอเตอร์ไซค์ชั้น 3 ก็สามารถ คลิกที่นี่ เพื่อสมัครได้เลย หรือโทรมาที่ 02 710 3100 หรือแอดไลน์มาเป็นเพื่อนกับเราที่ @masii (มี @ ด้วยนะ) เพื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับประกันบิ๊กไบค์ หรือ ประกันรถมอเตอร์ไซค์ ได้เลยค่ะ
