อีกไม่กี่เดือนก็จะเข้าสู่ช่วงปลายฝนต้นหนาวกันแล้ว ซึ่งถือเป็นช่วงเวลาดี ๆ เหมาะกับการท่องเที่ยวชมธรรมชาติ สูดอากาศดี ๆ ให้ฉ่ำปอดกัน และหากใครที่กำลังวางแผนหาที่เที่ยวอยู่ล่ะก็ masii แนะนำเลย 5 ที่เที่ยวอุทยานฯ กับเส้นทางชมธรรมชาติ แต่จะมีที่ไหนน่าโดนกันบ้างตามไปดูกันได้เลย
5 ที่เที่ยวอุทยานฯ กับเส้นทางชมธรรมชาติ
1. อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่
ที่เที่ยวใกล้กรุงเทพฯ ยอดนิยม เดินทางง่ายสามารถขับรถเที่ยวแบบไปเช้าเย็นกลับหรือพักค้างคืนก็ได้ เพราะมีโรงแรมรีสอร์ทและบ้านพักอุทยานฯ ให้เลือกพักกันตามงบประมาณ สำหรับที่เที่ยวของอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่จะครอบคลุมพื้นที่ทั้ง 4 จังหวัด คือ สระบุรี นครนายก นครราชสีมา และปราจีนบุรี ทำให้มีที่เที่ยวอย่างครบครันไม่ว่าจะเป็น น้ำตก จุดชมวิว เส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติ รับรองว่าขับรถเที่ยวกันได้อย่างจุใจแน่นอน
2. อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน
อุทยานแห่งชาติที่มีพื้นที่ขนาดใหญ่ที่สุดของประเทศไทยครอบคลุมจังหวัดเพชรบุรีและประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งภายในอุทยานฯ มีจุดท่องเที่ยวที่น่าสนใจมากมาย เช่น เส้นทางดูนก จุดชมวิวพะเนินทุ่งแคมป์ ที่ในช่วงปลายฝนต้นหนาวยาวไปจนจึงฤดูหนาวเป็นอีกจุดชมทะเลหมอกที่สวยงาม และพลาดไม่ได้คือ เขื่อนแก่งกระจาน ซึ่งนักท่องเที่ยวจะนิยมมาพักผ่อนแคมป์ปิ้งและนั่งเรือหางยาวเที่ยวชมทิวทัศน์
3. อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ
อากาศดี ๆ ชวนไปเที่ยวกาญจนบุรีที่อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ ซึ่งหลายคนจะรู้จักกันดีกับที่เที่ยวเดินป่า ยอดฮิต คือ เขาช้างเผือก ยอดเขาสูงที่สุดของอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ ที่เปิดให้เที่ยวชมกันเฉพาะช่วงประมาณเดือนพฤศจิกายน-มกราคมเท่านั้น แต่สำหรับใครไม่ใช่สายลุยขอเน้นเที่ยวสบาย ๆ แบบรถถึง ก็ไปแวะเที่ยวน้ำตกและจุดชมวิวต่าง ๆ กันได้เลย เช่น น้ำตกจ๊อกกระดิ่น น้ำตกเขาใหญ่ จุดชมทิวทัศน์เขาขาด หมู่บ้านอีต่อง เหมืองปิล็อก เป็นต้น
4. อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า
ขับรถไปเที่ยวพร้อมเรียนรู้เรื่องราวประวัติศาสตร์ระหว่างพรรคคอมมิวนิสต์และรัฐบาลไทย พร้อมสัมผัสความสวยงามของธรรมชาติกันที่อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า ซึ่งมีพื้นที่ครอบคลุมในจังหวัดเพชรบูรณ์ เลย และพิษณุโลก โดยไฮไลต์เด่นที่อยากให้ทุกคนแวะมาเที่ยวคือ ลานหินปุ่ม ลานกว้างริมหน้าผาที่มีหินตะปุ่มตะป่ำกระจายตัวอยู่เป็นบริเวณกว้าง ซึ่งเป็นจุดชมวิวทิวทัศน์และพระอาทิตย์ตกได้อย่างสวยงาม ถัดมาใกล้ ๆ กันสามารถเดินไปยัง ผาชูธง จุดชมวิวที่สวยงามไม่แพ้กัน
5. อุทยานแห่งชาติภูกระดึง
สายลุยอยากออกแรงขา ไปเดินป่าเที่ยวชมธรรมชาติแนะนำ อุทยานแห่งชาติภูกระดึง จังหวัดเลย ซึ่งจะเปิดให้เข้าเที่ยวชมกันช่วงเดือนตุลาคม-พฤษภาคม ยังไงอย่าลืมเตรียมตัวฟิตร่างกายกันล่วงหน้า เพราะต้องเดินเท้าระยะทางกว่า 5.5 กิโลเมตร ใช้เวลา 3-5 ชั่วโมงขึ้นอยู่กับสภาพร่างกาย ส่วนของข้าวสัมภาระต่าง ๆ สามารถจ้างลูกหาบได้ นอกจากนี้มีร้านค้า ร้านอาหาร บ้านพักและลานกางเต็นท์ที่จุดบริการนักท่องเที่ยว
สำหรับการเที่ยวภูกระดึงให้คุ้มค่าควรใช้เวลาอย่างน้อย 3 วัน 2 คืนขึ้นไป เพราะมีจุดต่าง ๆ ให้เลือกเที่ยวมากมาย เช่น ผาหมากดูก ลานพระศรีนครินทร์ ผาหล่มสัก น้ำตกวังกวาง น้ำตกเพ็ญพบใหม่ เป็นต้น ที่สำคัญช่วงปลายปีสามารถชมใบเมเปิ้ลเปลี่ยนสีได้สวยงามเหมือนไปเที่ยวญี่ปุ่นเลยทีเดียว
สนใจสมัครประกันรถยนต์
เอาเป็นว่าใครอยากเที่ยว รีบหาวันว่างแล้วออกเดินทางไปเติมความสดชื่น สัมผัสอากาศดี ๆ กับ 5 ที่เที่ยวอุทยานฯ กับเส้นทางชมธรรมชาติ รับรองว่าไม่ผิดหวังแน่นอน สำหรับใครที่ขับรถไปเที่ยวเองอาจไม่คุ้นชินกับเส้นทางก็อย่าลืมเพิ่มความระมัดระวังในการขับขี่กันด้วย หรือให้อุ่นใจยิ่งขึ้น แนะนำควรทำ ประกันรถยนต์ เพราะเมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดก็จะได้รับความคุ้มครองตามเงื่อนไขของกรมธรรม์ ซึ่งเดี๋ยวนี้สามารถซื้อประกันรถยนต์ได้ง่าย ๆ เพียงแค่ คลิกที่นี่ หรือโทรสอบถามโทร. 02 710 3100 รวมถึงแอด LINE:@masii มาเลย