ปฎิเสธไม่ได้เลยว่าทุกวันนี้โซเชียลมีเดีย เป็นสื่อหลักสื่อหนึ่งที่อยู่เคียงคู่กับการใช้ชีวิตของเราแทบจะตลอดเวลา ไม่ว่าจะตื่นนอน กินข้าว เข้าห้องน้ำ หรือแม้แต่ก่อนนอน เราก็จะมีการใช้สื่อโซเชียลกันอยู่ตลอด และด้วยความที่สื่อโซเชียลอยู่เคียงคู่กับเราแทบจะทุกช่วงเวลาขนาดนี้จึงไม่ใช่เรื่องแปลกใด ๆ ที่จะมีข้อมูลไหลผ่านเข้ามาในความสนใจของเรามากมาย ซึ่งก็จะเป็นทั้งสื่อที่เป็นประโยชน์และสื่อที่เป็นโทษต่อเราเช่นกัน และด้วยข้อมูลต่าง ๆ เราทั้งที่เป็นประโยชน์และโทษเหล่านี้ก็ย่อมที่จะส่งผลกระทบต่อสุขภาพจิตของเราได้ หากเราได้ทำการเสพสื่อที่เป็นโทษมากเกินไป ดังนั้นแล้ว วันนี้เรามาลองทำ Digital Detox กันดีกว่า
คนไทยกับการใช้ชีวิตในยุค Digital
We are social เอเจนซีด้านโซเชียลมีเดีย เปิดสถิติการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลทั่วโลก ผ่านรายงาน Digital 2022 Global Overview ของเดือน ม.ค. 2565 พบว่า ประเทศไทยมีอัตราส่วนการใช้อินเทอร์เน็ตต่อประชากรทั้งหมดอยู่ที่ 77.8% ติดอันดับที่ 34 ของโลก และใช้เวลาในการเล่นอินเทอร์เน็ตโดยเฉลี่ยสูงถึง 9 ชั่วโมง 06 นาทีต่อวัน ติดอันดับที่ 7 ของโลก
ซึ่งผลลัพธ์จากพฤติกรรมการใช้อินเทอร์เน็ตและสื่อสังคมออนไลน์ ที่เสพติดเทคโนโลยีดิจิทัล แสงจากหน้าจออิเล็กทรอนิกส์จะกระตุ้นให้เราผู้ใช้รู้สึกตื่นตัวและยับยั้งฮอร์โมนเมลาโทนิน จึงทำให้เรานอนหลับไม่สนิท รวมไปถึงจะมีสมรรถภาพการทำงานที่แย่ลง อารมณขึ้น ๆ ลง ๆ และอารมณ์เสียได้ง่ายขึ้นในระหว่างวัน นอกจากนี้ งานวิจัยยังบ่งชี้ว่า การเล่นโซเชียลมีเดียมาก ๆ ยังจะส่งผลต่อการรับรู้ด้านอารมณ ทำให้ระดับความเหงา ความเศร้า และความกลัว เพิ่มขึ้นได้เป็นหลายเท่าตัว
ผลกระทบจากการใช้สื่อ Digital หรือสื่อสังคมมากเกินไป
อย่างที่ได้กล่าวไปข้างต้นว่าจากพฤติกรรมการใช้อินเทอร์เน็ตและสื่อสังคมออนไลน์ จนกลายเป็นการเสพติดเทคโนโลยีดิจิทัลนี้ เทคโนโลยีเหล่านี้จะเป็นแหล่งความเครียด ส่งผลกระทบต่อร่างกายและสุขภาพ ไม่ว่าจะเป็นอาการปวดคอ ริ้วรอย ไปจนถึงความดันโลหิตสูง ทีนี้เรามาลองมองให้ลึกลงไปกันอีกสักหน่อยกันดีกว่าการเสพติดเทคโนโลยีดิจิตัลที่มากเกินไปจะส่งผลเสียอย่างไรกันบ้าง
1.ผลเสียต่อสุขภาพจิต
มีผลการสำรวจจากหลายสำนักพบว่า มีหลายคนที่มีความคิดเปรียบเทียบตัวเองกับผู้อื่นผ่านการดูโซเซียลมีเดีย ซึ่งจำนวนมากนี้มักมีภาวะซึมเศร้าตามมา และมีแนวโน้มที่จะเพิ่มจำนวนสูงขึ้นเรื่อย ๆ ด้วย นอกจากนี้คนที่ติดการเช็กเมล หรือตอบแชทงานตลอดเวลา ก็อาจที่จะทำให้คนทำงานมีอาการ burnout เพิ่มมากขึ้นได้อีกด้วย
2.ผลเสียต่อสุขภาพกาย
สำหรับผลที่มีต่อสุขภาพกายนั้นจะมาจาก ท่านั่งในการเล่นโทรศัพท์มือถือหรือนั่งทำงานหน้าจอคอมนาน ๆ ซึ่งคนส่วนใหญ่มักที่จะนั่งผิดท่าโดยไม่รู้ตัว จึงทำให้อวัยวะหลายอย่างถูกใช้งานอย่างหนัก ก่อให้เกิดอาการปวดเมื่อยตามจุดต่าง ๆ เช่น ต้นคอ บ่า ไหล่ หลัง ข้อมือ และอาจมีอาการนิ้วล็อก office syndrome หรือสายตาล้าจากการเพ่งจอเป็นเวลานาน ถ้าหนักเข้าอาจทำให้จอประสาทตามีปัญหาได้
3.ภาวะการนอนไม่หลับหรือหลับไม่สนิท
หลายคนอาจจะไม่รู้ว่าการเล่นมือถือ หรือใช้สื่อโซเชียลมีเดียเป็นเวลนาน ส่งผลต่อการนอนในคนจำนวนมาก ซึ่งมีงานศึกษาชิ้นหนึ่งพบว่า ผู้ที่ใช้โซเชียลมีเดียมากกว่า 1 ชม. ต่อวัน มักมีปัญหาด้านการนอน โดยอาจจะทำให้นอนไม่หลับ นอนหลับยาก หรือหลับไม่สนิทได้ ทำให้พักผ่อนไม่เพียงพอ ซึ่งส่งผลให้ร่างการอ่อนแอ รู้สึกเหนื่อย เพลีย ไปจนถึงรู้สึกเครียดได้ง่าย
4.ภาวะสมาธิสั้น
ด้วยความที่เทคโนโลยีเดี๋ยวนี้ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อช่วยในการแก้ปัญหา และอำนวยความสะดวกให้กับเรา โดยการเน้นความเร็วเป็นหลัก ต้องให้คำตอบได้เร็ว เปิดโปรแกรมได้เร็ว แชทหาเพื่อนได้เร็ว อยากรู้อะไรต้องได้รู้เดี๋ยวนี้ตอนนี้ เมื่อเคยชินมาก ๆ เข้า ก็จะทำให้คนใจร้อนมากขึ้น ไม่สามารถอดทนรออะไรนาน ๆ และไม่สามารที่จะจดจ่อต่อสิ่งนั้น ๆ นาน ๆ ได้อีกต่อไป
5.เกิดอาการโนโมโฟเบีย (Nomophobia)
โนโมโฟเบีย (Nomophobia) ย่อมาจาก No mobile phone phobia ใช้สำหรับเรียกอาการขาดโทรศัพท์มือถือไม่ได้ ต้องเอามือถือติดตัวไปด้วยทุกที่ ไม่ว่าจะกินข้าว เข้าห้องน้ำ อาบน้ำ นอน เมื่อไรที่ขาดมือถือจะเกิดอาหารวิตกกังวล กระวนกระวาย หวาดกลัว หงุดหงิดเมื่อขาดมือถือ รู้สึกเหมือนขาดการติดต่อสื่อสารกับโลกภายนอก
ห่างไกล Toxic ต้องรู้จัก Digital Detox
ซึ่งอย่างที่ได้กล่าวไปเมื่อข้างต้นว่า เทคโนโลยีมีทั้งด้านบวกและด้านลบหากใช้เทคโนโลยีมากเกินไปโดยไม่รักษาความสมดุลอาจจะทำให้เกิดผลเสียแก่ร่างกาย และจิตใจได้ แต่ทั้งนี้ เมื่อเราเริ่มรับรู้ได้ว่าการใช้เทคโนโลยีของเรานั้นเริ่มที่จะส่งผลเสียและสร้างผลกระทบให้กับเราแล้วนั้น เราสามารถที่จะทำการจัดการได้ด้วยตัวเองโดยการทำดิจิทัลดีท็อกได้ ซึ่งเป็นการรักษาสมดุลระหว่างเทคโนโลยีและกิจกรรมในชีวิตประจำวัน เช่น การสร้างปฏิสัมพันธ์กับคนในครอบครัว การท่องเที่ยวโดยห่างจากโซเชียลมีเดีย การนั่งสมาธิ หรือกิจกรรมสันทนาการ
วิธีการทำ Digital Detox คือ การบำบัดอาการเสพติดเทคโนโลยีผ่านการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้งานเทดนโลยีต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น มือถือ แทปเล็ท ไปจนถึงคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ค แก้ไขอาการเสพติดโซเชียลมีเดีย ด้วยวิธีการ “พัก” หรือ “เว้น” จากการใช้เทคโนโลยีหรือโซเชียลมีเดีย “ชั่วคราว” หยุดแชท หยุดเล่น หยุดไลฟ์ หยุดไถฟีด Facebook Twitter เพื่อให้ร่างกายได้รับรู้ว่า ไม่ต้องเล่นมือถือบ้างก็ได้
ซึ่งการบำบัดจะมุ่งเน้นที่การปรับเปลี่ยนตามรูปแบบการใช้ชีวิตของผู้คน คือ ต้องเปลี่ยนพฤติกรรมไปพร้อม ๆ กับการบำบัดทางใจ ซึ่งสามารถทำได้โดยการตัดขายจากอุปกรณ์การสื่อสาร และนำตนเองออกสู่ธรรมชาติ ชุมชน และโลกภายนอกมากยิ่งขึ้น เป้าหมายสำคัญของโปรแกรมดิจิทัลดีท็อก คือ การสร้างสมดุลให้กับชีวิตเราใหม่ ทำให้เรารู้สึกสงบและมองเห็นคุณค่าที่แท้จริงได้ชัดขึ้น ซึ่งทั้งหมดล้วนเป็นประโยชน์ในแง่ความสัมพันธ์ การสร้างงาน สุขภาพทางกายและใจ เช่น การสร้างความสัมพันธ์ระหว่างเราและผู้อื่น ลดความเครียดและความกดดัน เพิ่มความคิดสร้างสรรค์ มีเวลาทบทวนตัวเอง ช่วยให้นอนหลับพักผ่อนเพียงพอ รวมถึงได้สุขภาพกายและใจที่ดีขึ้นกว่าเดิม
เปิดวิธีทำ Digital Detox
ปิดแจ้งเตือน
เริ่มจากการปิดเสียงปิดสั่นแจ้งเตือนมือถือหรือ Notification ในเวลาที่ต้องการโฟกัส เพื่อเป็นการปิดกั้นความอยากรู้ อยากเห็น และหยิบมือถือขึ้นมาดูเมื่อได้ยินเสียงเตือน หรือถ้าอยู่ในเวลางานแล้วจำเป็นต้องติดต่อสื่อสารกับคนอื่นอยู่ แนะนำให้ลองเลือกช่วงเวลาว่าง ๆ ไม่มีใครติดต่อเข้ามา ลองใช้เวลาสัก 15 – 30 นาทีเพื่อปิดแจ้งเตือน แล้วไปโฟกัสกับงานที่ต้องใช้สมาธิทำมาก ๆ แทน
กำหนดช่วงเวลาการใช้งาน
ทั้งนี้ นอกจากการเริ่มที่ปิดการแจ้งเตือนแล้ว ขึ้นถัดไปให้ลองฝึกวินัยให้กับการใช้งานดู เช่น อนุญาตให้ตัวเองเล่นมือถือได้ตั้งแต่เวลา 20.00 – 21.00 น. ไม่เล่นมือถือก่อนเวลาที่ตั้งใจจะเข้านอน 1 ชั่วโมง หรือถ้าต้องเปิดคอมทำงาน ก็ลองกำหนดว่าจะทำงานถึงหนึ่งทุ่มเท่านั้น เป็นต้น และที่สำคัญคือ เมื่อตั้งเวลาไว้แล้ว ก็ต้องทำตามกับสิ่งที่กำหนดไว้เคร่งครัด
หากิจกรรมยามว่างอื่นทดแทน
สำหรับในขั้นตอนนี้ เมื่อเรามีเวลาว่างแทนที่จะใช้เวลาในการพักผ่อนไปกับการดูมือถือ ตอบแชท หรือเล่นเกทส์โทรศัพท์ให้ลองเปลี่ยนเป็นการหากิจกรรมอื่น ๆ ทำดู ไม่ว่าจะเป็นการออกกำลังกาย ปลูกต้นไม้ เล่นกับน้องหมาน้อมแมวสัตว์เลี้ยงตัวโปรด พูดคุยกับเพื่อนหรือคนในครอบครัว เป็นต้น แต่ถ้าอยากแก้อาการว่างไม่ได้ต้องจับมือถือ ก็ลองหันมาพกหนังสือสักเล่ม แล้วว่างเมื่อไหร่ก็เปลี่ยนมาหยิบหนังสือขึ้นมาอ่าน แทนการหยิบมือถือขึ้นมาใช้งานแทน
ชาร์จมือถือไว้นอกห้องนอน
มีหลายงานวิจัยพบว่า ห้องนอนเป็นพื้นที่ที่ไม่ควรมีอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ใด ๆ อยู่ในห้อง โทรศัพท์ก็เช่นกัน เพราะการที่มีอุปกรณ์อิเล็หทรอนิกส์ต่าง ๆ นี้จะรบกวนการนอนของเรา ทำให้เรานอนไม่หลับ หรือหลับไม่สนิทได้ ดังนั้น แนะนำให้เอาอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ให้ห่างไกลห้องนอนเป็นดีกว่า แต่ถ้าคนใช้มือถือเป็นนาฬิกาปลุกแล้วหละก็ แนะนำให้ลองเปลี่ยนมาใช้นาฬิกาปลุกจริง ๆ แทนดีกว่า เพราะทุกเช้าไม่เพียงที่เราจะทำการเลื่อน snooze หรือกดปิดเสียงปลุกได้ง่าย มันก็ยังจะทำให้เราเข้าใช้งานแอปโซเชียลมีเดียต่าง ๆ ได้ง่ายเช่นกัน
ขอขอบคุณ : กรุงเทพธุรกิจ , JobDB และ Scimath
และนี่ก็เป็นเพียงอีกหนึ่งสาระดี ๆ ที่ มาสิ ได้เอามาให้ทุกคนอัพเดทเป็นความรู้กัน เมื่อร่างกายเป็นของเราหากเราไม่ดูแล แล้วใครจะมาดูให้เราได้ ดังนั้น เพื่อเป็นกันเสริมความคุ้มครองให้กับร่างกายของเราให้เต็มที่ มาสิ จึงอยากแนะนำให้ทุกคนได้เสริมด้วยกับ ประกันสุขภาพและอุบัติเหตุส่วนบุคคล V Prestige Care จาก วิริยะประกันภัย ที่ให้ความคุ้มครองครบทั้งการเจ็บป่วย และบาดเจ็บ จะมีความน่าสนใจอย่างรบ้างนั้น ตามมาสิไปดูกัน
ประกันสุขภาพและอุบัติเหตุส่วนบุคคล V Prestige Care
จาก วิริยะประกันภัย
จุดเด่นที่น่าสนใจ
- คุ้มครองค่ารักษาผู้ป่วยใน เหมาจ่ายต่อครั้งสูงสุด 5 ล้าน
- คุ้มครองค่าห้อง ค่าอาหาร ค่าบริการ ผู้ป่วยในสูงสุด 12,000/วัน
- สามารถต่ออายุได้ถึง 100 ปี
- ไม่มีเคลม มีเงินคืน
- ไม่ปฏิเสธการต่ออายุแม้มีเคลม
- สามารถลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 25,000 บาท
- ไม่ต้องสำรองจ่าย กรณีเข้ารักษาที่โรงพยาบาลในเครือ ที่มีคู่สัญญากว่า 500 แห่งในประเทศไทย
เงื่อนไขการรับประกันภัย
- สมัครได้ตั้งแต่อายุ 15 วัน – 65 ปี
- ผู้เอาประกันภัยอายุ ไม่เกิน 60 ปี สามารถต่ออายุได้ถึง 100 ปี
- ผู้เอาประกันภัยอายุ 61 – 65 ปี สามารถต่ออายุได้ถึง 70 ปี
- ผู้เอาประกันที่อายุระหว่าง 15 วัน ถึง 15 ปี ต้องสมัครพร้อมบิดาหรือมารดาอย่างน้อย 1 คน และแผนประกันจะต้องให้ความคุ้มครองที่ต่ำกว่าหรือเทียบเท่ากับบิดาหรือมารดาหรือผู้ปกครองโดยชอบธรรม
- บริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์การพิจารณาใบคำขอฯ ตามหลักเกณฑ์การรับประกันภัยของบริษัท และผ่านเกณฑ์การพิจารณารับประกันภัยของบริษัท
- ความคุ้มครองการบาดเจ็บจากอุบัติเหตุจะคุ้มครองทันที ในวันที่กรมธรรม์มีผลบังคับครั้งแรก
เงื่อนไขและข้อยกเว้นที่สำคัญ
- การเจ็บป่วยใด ๆ ที่เกิดขึ้นในระยะเวลา 30 วัน (Waiting Period) หลังจากที่กรมธรรม์ประกันภัยมีผลบังคับครั้งแรก
- การเจ็บป่วยดังต่อไปนี้ที่เกิดขึ้นในระยะเวลา 120 วัน (Waiting Period) หลังจากที่กรมธรรม์ประกันภัยมีผลบังคับครั้งแรก เนื้องอก ถุงน้ำ หรือมะเร็งทุกชนิด, ริดสีดวงทวาร, ไส้เลื่อนทุกชนิด, ต้อเนื้อ หรือต้อกระจก, การตัดทอนซิล หรืออดีนอยด์, นิ่วทุกชนิด, เส้นเลือดขอดที่ขา, เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่
- โรคที่เป็นมาแต่กำเนิด โรคเรื้อรัง การบาดเจ็บหรือการเจ็บป่วยที่ยังมิได้รักษาให้หาย ก่อนวันทำสัญญาประกันภัย
หมายเหตุ
- เบี้ยประกันภัยสำหรับปีต่ออายุจะปรับเปลี่ยนตามอายุที่เปลี่ยนแปลง และประวัติการเคลม
- เงื่อนไขและข้อยกเว้นข้างต้นนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น โปรดศึกษารายละเอียด และข้อยกเว้นความคุ้มครองเพิ่มเติมในกรมธรรม์ประกันภัย
- ผู้ซื้อควรทำความเข้าใจในรายละเอียดความคุ้มครอง และเงื่อนไขก่อนตัดสินใจทำประกันทุกครั้ง
สนใจสมัครสุขภาพและอุบัติเหตุส่วนบุคคล V Prestige Care
หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมสามารถโทรมาสอบถามรายละเอียดต่างๆ ได้ที่ 02 710 3100 หรือแอดไลน์ @masii ( มี @ ด้วยนะครับ ) เพื่อติดตามข่าวสารและบทความดีๆ ที่ มาสิบล็อก เกี่ยวกับ บัตรเครดิต บัตรเดบิต บัตรกดเงินสด สินเชื่อส่วนบุคคล สินเชื่อบ้านแลกเงิน สินเชื่อรถแลกเงิน และผลิตภัณฑ์ทางการเงินจากสถาบันการเงินชั้นนำทั่วประเทศ
อ่านบทความที่น่าสนใจเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ประกันสุขภาพ
-
รู้ยัง!? สิทธิ บัตรทอง เจ็บป่วยเล็กน้อยรับยาฟรีที่ร้านยา 7-11 ได้แล้วนะ
-
จัดอันดับน้ำมันเพื่อสุขภาพ ลดความเสี่ยงการเกิดโรคร้าย… น้ำมันพืช อะไรดีที่สุด?
-
เป็นกันหรือไม่… Post-Vacation Blues ภาวะซึมเศร้าหลังหยุดยาว รู้สึกตื่นตอนเช้าไม่อยากไปทำงาน
_____________________________________________
Please become Masii Fan
Facebook: https://lnkd.in/gFFh8mh
Website: www.masii.co.th
Blog: https://masii.co.th/blog
Line: @masii
Tel: 02 710 3100
Youtube: https://lnkd.in/gbQf9eh
Instagram: https://lnkd.in/ga4j5ri
Twitter: twitter.com/MasiiGroup
#สินเชื่อ #ประกัน
#รถแลกเงิน #บ้านแลกเงิน #สินเชื่อส่วนบุคคล
#บัตรกดเงินสด #เงินด่วนทันใจ #สินเชื่อส่วนบุคคลออนไลน์
#กู้เงิน #เงินสด #เงินก้อน #เงินด่วน #เงินกู้ทันใจ #masii
#มาสิ #ครบง่ายสะดวก #เพื่อความสุขในชีวิตที่ดีกว่า
#ครบง่ายสะดวกเพื่อความสุขในชีวิตที่ดีกว่า #SimplifiedComparison