เปรียบเทียบประกันรถยนต์ ต้องดูอะไรบ้าง

เปรียบเทียบประกันรถยนต์ ต้องดูอะไรบ้าง
เปรียบเทียบประกันรถยนต์ ต้องดูอะไรบ้าง
สมัครรถแลกเงินโปรโมชั่น แจกฟรี Voucher Lazada

ปัจจุบันคนใช้รถยนต์ส่วนใหญ่นิยมทำประกันรถยนต์กันมากขึ้น เพราะว่าประกันรถยนต์นั้นจะให้ความคุ้มครองแก่ผู้เอาประกันเป็นเงินชดเชยความเสียหายต่างๆ ที่เกิดขึ้นจากอุบัติเหตุ หรือเหตุการณ์อื่นๆ ตามที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ ซึ่งทุกวันนี้ก็มีประกันรถยนต์หลากหลายประเภท ที่มีค่าเบี้ยประกันและวงเงินความคุ้มครองที่แตกต่างกันไป ดังนั้นหากใครที่กำลังจะตัดสินใจซื้อประกันรถยนต์สักตัว ก็ต้องทำการเปรียบเทียบประกันรถยนต์ให้เหมาะสมกับตนเองมากที่สุด นอกจากจะต้องเลือกซื้อประกันรถยนต์กับบริษัทที่น่าเชื่อถือแล้ว วันนี้ masii เลยได้นำเทคนิคเคล็ดลับดีๆ ในการเปรียบเทียบประกันรถยนต์มาฝากเพื่อนๆ กัน ไปดูกันเลยว่ามีวิธีใดบ้าง

เปรียบเทียบประกันรถยนต์ ต้องดูอะไรบ้าง

เปรียบเทียบประกันรถยนต์ ต้องดูอะไรบ้าง

1. การใช้งานและสภาพของรถยนต์

การจะเลือกซื้อประกันรถยนต์สักประเภท ก็ต้องเลือกให้เมหาะสมกับการใช้งานและสภาพของรถยนต์ หากคุณเพิ่งออกรถใหม่ป้ายแดง แน่นอนว่าทำประกันรถยนต์ชั้น 1 จะดีที่สุด เพราะให้ความคุ้มครองได้ครอบคลุมกว่าประกันรถยนต์ชั้นอื่นๆ ทั้งยังคุ้มครองในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุไม่มีคู่กรณี ไม่ว่าจะขับรถต้นไม้ หรือโดนหินดีดกระจก ยางระเบิด ก็ยังได้รับความคุ้มครองจากประกันรถยนต์ชั้น 1 หรือหากรถยนต์ที่ใช้มีอายุการใช้งานมานานแล้วและไม่เคยมีอุบัติเหตุเลย ก็อาจเลือกทำประกันชั้น 3+ หรือประกันรถยนต์ชั้น 3 ก็ได้

2. ความคุ้มครอง

เมื่อรู้แล้วว่ารถยนต์เราเหมาะกับประกันรถยนต์ประเภทใด คราวนี้ก็ลองมาเปรียบเทียบดูความคุ้มครองของแต่ละบริษัทประกันภัย ว่าให้วงเงินคุ้มครองมากน้อยหรือต่างกันเท่าไร หรืออาจลองเปรียบเทียบประกันรถยนต์ของแต่ละประเภท เช่น ความคุ้มครองของประกันรถยนต์ชั้น 1 ความคุ้มครองของประกันรถยนต์ชั้น 2+ หรือประกันรถยนต์ชั้น 3+ แล้วมาตัดสินใจว่ารายละเอียดความคุ้มครองต่างๆ เหมาะกับตัวเองไหม และมีวงเงินชดเชยค่าเสียหายที่คุ้มค่าหรือไม่ เช่น ค่ารักษาพยาบาล ค่าชดเชยอุบัติเหตุส่วนบุคคล ค่าซ่อมรถ รวมถึงค่าชดเชยความรับผิดต่อร่างกายและทรัพย์สินของคู่กรณี เป็นต้น

เปรียบเทียบประกันรถยนต์ ต้องดูอะไรบ้าง

3. เบี้ยประกันรถยนต์

และแน่นอนว่าวงเงินความคุ้มครองความเสียหายต่างๆ ก็มีผลกับค่าเบี้ยประกันรถยนต์ ยิ่งคุ้มครองมาก ค่าเบี้ยประกันรถยนต์ก็ย่อมมีราคาสูงเป็นธรรมดา ซึ่งค่าเบี้ยประกันก็มีหลากหลายราคาตามประเภทของประกันรถยนต์ ความคุ้มครองของกรมธรรม์ และเงื่อนไขของบริษัทประกัน มีตั้งแต่หลักพันจนถึงหลักหมื่น ซึ่งผู้ซื้อก็ควรเลือกประกันรถยนต์ที่เราจ่ายไหว ไม่เลือกเบี้ยประกันสูงเกินความจำเป็น ยกตัวอย่างเช่น หากเป็นคนที่ไม่ค่อยได้ขับรถบ่อย ก็อาจเลือกซื้อประกันรถยนต์ชั้น 2+ , 3+ หรือ ประกันรถยนต์ชั้น 3 ซึ่งเน้นให้ความคุ้มครองแก่คู่กรณี แต่ก็จะมีค่าเบี้ยประกันถูกกว่าประกันรถยนต์ชั้น 1  

4. ค่าเสียหายส่วนแรก

หลายคนอาจมองข้ามเรื่องของค่าเสียหายส่วนแรก ซึ่งประกันรถยนต์บางตัวก็มีค่าเสียหายส่วนแรก ซึ่งจะทำให้ค่าเบี้ยประกันถูกลงกว่าเดิม แต่ในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุขึ้นแบบที่ตนเองเป็นฝ่ายผิดหรือไม่มีคู่กรณี คุณจะต้องจ่ายเงินส่วนนี้ออกก่อน แล้วส่วนที่เหลือทางบริษัทประกันจะเป็นผู้รับผิดชอบ โดยสมมติว่าค่าความเสียหายคิดเป็นมูลค่า 8,000 บาท แต่คุณจ่ายค่าเสียหายส่วนแรกไป 3,000 บาท เช่นนี้ทางบริษัทประกันจะรับผิดชอบส่วนที่เหลือต่อไป นั่นก็คือ 5,000 บาทนั่นเอง ทั้งนี้หากคุณกำลังเลือกซื้อประกันรถยนต์ ก็ควรเปรียบเทียบในส่วนของค่าเสียหายส่วนแรกด้วย วามีหรือไม่มี และต้องจ่ายมากน้อยเท่าไร คุ้มค่าหรือไม่ เป็นต้น

เปรียบเทียบประกันรถยนต์ ต้องดูอะไรบ้าง

5. ขั้นตอนการเคลมประกัน

สำหรับใครที่ต้องการเปรียบเทียบขั้นตอนการเคลมประกัน อาจต้องหาข้อมูลหรือรีวิวจากผู้ที่เคยใช้งานจริงๆ ตามเพจหรือเว็บไซต์ต่างๆ โดยลองสังเกตว่าประกันรถยนต์ของบริษัทนี้มีการเคลมประกันที่ยากง่าย หรือรวดเร็วขนาดไหน พนักงานให้บริการดีหรือไม่ รวมไปถึงดูพวกบริการเสริมต่างๆ เช่น บริการฉุกเฉิน รถลาก อู่ซ่อมรถ รวมไปถึงรถยนต์ใช้ระหว่างซ่อม ว่าเป็นอย่างไร ได้มาตรฐานหรือไม่

เปรียบเทียบประกันรถยนต์ ต้องดูอะไรบ้าง

สนใจสมัครประกันรถยนต์

regis-but
สนใจสมัคร

เมื่อได้ทราบกันไปแล้วว่าหากจะซื้อประกันรถยนต์สักประเภทหนึ่ง ต้องเปรียบเทียบและตรวจสอบอะไรบ้าง ซึ่งคุณเองก็สามารถเปรียบเทียบประกันรถยนต์ได้ง่ายๆ เพียง คลิกที่นี่ หรือโทรมาสอบถามกับมาสิได้เลยที่ 02 710 3100 หรือแอดไลน์มาที่ @masii (มี @ ด้วยนะ) เพื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับประกันรถยนต์ประเภทต่างๆ เช่น ประกันรถยนต์ชั้น 1, ประกันรถยนต์ชั้น 2+ และประกันรถยนต์ชั้น 3+ ได้เลยจ้า

car insurance banner