การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัล โควิด 19 ถือได้ว่าเป็นอีกหน้าประวัติศาสตร์ของของโลกที่ ที่ได้เกิดการระบาดครั้งใหญ่ทำให้ทั่วทั้งโลกไม่เว้นแม้แต่ชาติมหาอำนาจใหญ่ ๆ ต่างก็ต้องประสบปัญหา สร้างความสูญเสียทั้งชีวิต รายได้ และบุคคลากรที่สำคัญของประเทศไปอย่างมากมาย ประเทศไทยเราก็เช่นกัน กว่าสามปีที่ผ่านมา ที่ประเทศของเราได้อยู่ร่วมกับมันมาประชาชนคนไทยทั้งหลายต่างสูญเสียทั้งเงิน สูญเสียทั้งรายได้ และสูญเสียคนอันเป็นทนที่รักจากการจากไปอย่างไม่มีวันกลับและไม่ได้ลำลากันอย่างมากมาย วิถีชีวิตความเป็นอยู่การใช้ชีวิตต่าง ๆ ก็ได้รับผลกระทบและเปลี่ยนแปลงกันไปอย่างมากมาย เช่น ไม่ว่าจะออกไปไหนหน้ากากอนามัยก็ถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งสิ่งคู่กายที่เราต้องใช้และใส่ติดตัวกันตลอด ถึงแม้ว่าทั่วทั้งโลกและแม้แต่รัฐบาลได้ก็ได้มีการผ่อนปลนและลดมาตรการการรับมือต่อการแพร่ระบาดลงแล้วก็ตาม แต่ด้วยความเคยชินหรือติดจนเป็นนิสัยไปแล้วหลายคนก็ยังคนเลือกที่ใช้ใส่กันอยู่ และอย่างที่เราทราบกัน วันนี้ ก็ถือได้ว่าเป็นอีกวันหนึ่ง สธ. ถอด ” โควิด -19″ จากโรคติดต่ออันตราย ปรับเป็นโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวัง มีผลตั้งแต่ 1 ต.ค. 65 หลังทั่วโลกมีแนวโน้มผู้ป่วยอาการรุนแรง และอัตราการเสียชีวิตลดลง ซึ่งถือได้ว่าเป็นสัญญาณที่ดีที่บ่งบอกว่าวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของเราได้เริ่มกลับมาเป็นปกติสุขอีกครั้งหนึ่งแล้ว
1 ต.ค. 65 สธ. ปรับ “โควิด” เป็นโรคติดต่อเฝ้าระวัง
ปัจจุบันภาพรวมสถานการณ์ของโรคระบาดโควิด-19 ทั่วโลก มีแนวโน้มดีขึ้นเรื่อยๆ จะเห็นได้ว่าหลายประเทศเริ่มปรับตัว รวมถึงเปลี่ยนแปลงมาตรการหลายๆด้าน เพื่อให้ผู้คนกลับไปใช้ชีวิตได้อย่างปกติ ส่วนประเทศไทย พบจำนวนผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่ ผู้เสียชีวิตลดลงอย่างต่อเนื่อง ทำให้ ศบค. มีมติยกเลิกการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน และกระทรวงสาธารณสุขได้ออกประกาศลดระดับ “โควิด-19” จากโรคติดต่ออันตราย เป็นโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวัง (Post – Pandemic) โดยจะมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2565 เป็นต้นไป
นพ.จักรรัฐ พิทยาวงศ์อานนท์ ผู้อำนวยการกองระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค กล่าวว่า จากที่มีปรับศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุข (EOC) กรณีโรค โควิด -19 จากระดับกระทรวงฯ มาเป็นระดับกรมควบคุมโรค เนื่องจากโควิด-19เป็นโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวังแล้ว ประชาชนสามารถเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ ได้ปกติทั้งหมด เพียงแต่ผู้ที่มีอาการป่วยระบบทางเดินหายใจ เช่น ไข้ ไอ เจ็บคอ แม้จะไม่ใช่ โควิด -19 ยังคงต้องสวมหน้ากากอนามัย
และหลังจากนี้จะมีการรายงานข้อมูลผู้ป่วยที่มีอาการหนักและผู้เสียชีวิตผ่านเว็บไซต์กรมควบคุมโรคเป็นรายสัปดาห์ ให้สอดคล้องกับที่ โควิด -19 ถูกปรับจากโรคติดต่ออันตรายเป็นโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวัง เช่นเดียวกับ โรคไข้หวัดใหญ่ ส่วนการรักษาผู้ป่วยโควิด-19 ผู้ที่ต้องเข้านอนรพ.จะรักษาจนกว่าอาการจะหายดี จะเน้นพิจารณาที่อาการไม่ใช่การติดเชื้อ เพราะแม้จะยังตรวจพบเชื้ออยู่ ถ้าอาการป่วยหายแล้ว ก็สามารถออกจาก รพ.ได้
ข้อปฏิบัติสำหรับประชาชน หลังปรับโควิดเป็นโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวัง
หลังจากวันที่ 1 ต.ค.65 ” โควิด-19″ จะกลายเป็นโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวัง เหมือนไข้หวัดใหญ่ทั่วไป ดังนั้น การรับมือสำหรับประชาชน ก็ต้องปรับเปลี่ยนไปด้วย ดังนี้
- ประชาชนรักษาพยาบาลโรคโควิด-19 ฟรีตามสิทธิที่ได้รับ (หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ, ประกันสังคม, สวัสดิการข้าราชการ)
- ผู้ป่วยโควิด-19 ฉุกเฉินวิกฤติสีแดง รักษาได้ทุกที่โดยใช้สิทธิ UCEP Plus
- แรงงานต่างด้าว หากมีประกันสุขภาพ ใช้ประกันรักษาได้ฟรี
- ยกเลิกการแจก ATK ที่ร้านขายยา แต่ผู้ป่วยทุกสิทธิยังรับบริการ เจอ แจก จบ ได้ที่ร้านขายยาที่เข้าร่วมโครงการ
- รับบริการแพทย์ทางไกลได้ผ่าน 4 แอปพลิเคชัน ได้แก่ Clicknic, Totale Telemed, Mordee และ Good Doctor
- ฉีดวัคซีนโควิด-19 ตามสถานพยาบาลที่ คกก.โรคติดต่อจังหวัดกำหนด ฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย
- ผู้ป่วยทางเดินหายใจ (มีภาวะหัวใจหยุดเต้น ทางเดินหายใจอุดกั้น มีภาวะช็อก หรืออาการที่นำไปสู่การเสียชีวิตโดยเร็ว) ปฏิบัติตนตามมาตรการ DMHT สามารถเข้ารับการรักษาได้ทุกที่
- ประชาชนทั่วไป สวมหน้ากากอนามัย เมื่อเข้าสถานที่แออัด พื้นที่ปิด อากาศไม่ถ่ายเท รวมไปถึงการขนส่งสาธารณะ ที่มีคนหนาแน่น
- ตรวจ ATK เมื่อมีอาการป่วยตามความจำเป็น
- หน่วยงาน องค์กร สถานประกอบการ ให้คัดกรองอาการป่วยของพนักงานเป็นประจำ
สเปรย์พ่นจมูกกันโควิด
“ สเปรย์พ่นจมูกกันโควิด ” เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีคุณสมบัติดักจับและยับยั้งเชื้อ โควิด-19 ทางกายภาพบริเวณ โพรงจมูก ภายใต้ แบรนด์เวลล์ โควิแทรป แอนติโคฟ นาซอล สเปรย์ เป็นนวัตกรรมใหม่ ซึ่งเป็นความร่วมมือองค์กรชั้นนำภาครัฐ-เอกชน ทั้ง 5 ภาคีเครือข่าย ประกอบด้วย คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, มหาวิทยาลัยศิลปากร, สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.), องค์การเภสัชกรรม และ บริษัทไฮไบโอไซ จำกัด (บริษัทย่อย ใน บมจ.โรจูคิส อินเตอร์เนชั่นแนล) ร่วมพัฒนานวัตกรรมจนสามารถผลักดันงานวิจัยและพัฒนาได้สำเร็จในที่สุด และได้รับอนุญาตจาก อย. แล้ว
โดยสเปรย์พ่นจมูก ดักจับและยับยั้ง โควิด-19 นี้ มีคุณสมบัติสามารถดักจับและยับยั้งเชื้อ โควิด ทางกายภาพบริเวณ โพรงจมูก ต่อเนื่อง 6 ชั่วโมง ด้วยหลักการทำงาน 2 กลไก ได้แก่
- ดักจับด้วย HPMC ที่ทำหน้าที่เคลือบบริเวณพื้นผิวโพรงจมูก ทำให้ความสามารถในการเกาะของเชื้อไวรัสที่บริเวณโพรงจมูกลดลง
- ยับยั้งเชื้อ ไวรัสโควิด-19 ทางกายภาพ ที่เข้ามาในบริเวณ โพรงจมูก ด้วย ภูมิคุ้มกัน ใช้พ่นที่โพรงจมูกทั้ง 2 ข้าง สอดหัวพ่นเข้าไปในโพรงจมูกในแนวตั้ง พ่นข้างละ 1-2 ครั้ง ใช้ได้ตามต้องการทุก 6 ชั่วโมง ได้ถึงวันละ 3 ครั้ง มีขนาด 15 มล.
ซึ่งรัฐบาลให้ความสำคัญต่อการวิจัยและพัฒนา และขอชื่นชมความสามารถของนักวิจัยไทย รวมถึงความร่วมมืออันเข้มแข็งของสถาบันการศึกษากับภาคเอกชน ที่ได้ผลิตผลงานออกมาอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะในช่วงสถานการณ์โควิด-19 จนเป็นที่ยอมรับในเวทีนานาชาติ
โดยสเปรย์พ่นจมูก กัน โควิด วางจำหน่าย 1 ต.ค. 2565 นี้ ที่ร้านยาองค์การเภสัชกรรม สาขาราชเทวี และเครือข่ายภาคี เช่น สถานพยาบาล The Senizens, และสถานพยาบาล Panacura ทั้งนี้ ผู้สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ไลน์ @Covitrap หรือ Facebook โควิแทรป”
ถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งฝีมือคนไทยในเวทีระดับโลกลกที่สร้างความภาคถูมิใจและเป็นผลดีต่อคนในชาติเป็นอย่างมาก ทั้งนี้ แม้การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด -19 จะเบาบางและลดความรุนแรงลงไป แต่เราก็ยังคงต้องมีการใส่ใจดูแลในส่วนของสุขภาพเราให้ดีอยู่เสมอ ๆ และอย่างที่หลายคนคุ้นเคย วันนี้ มาสิ ไม่เพียงแค่จะนำเอาข่าวสาร สาระดีๆ นวัตกรรมใหม่ ๆ มาอัพเดทให้ทุกคนได้รู้จักกันแต่เพียงเท่านั้น วันนี้ มาสิ ยังได้ขนเอากับอีกหนึ่งตัวช่วยดี ๆ มาให้ทุกคนได้นำไปเสริมสร้างในการดูแลสุขภาพกับประกันสุขภาพ แผนบียอนด์ เพอร์ซันนัลแคร์ ( Beyond Personal Care ) จะมีเงื่อไขความคุ้มค่าที่คุ้มค่าอย่างไรบ้างตาม มาสิ ไปดูกัน
ขอขอบคุณ :: ไทยรัฐออนไลน์ , กรุงเทพธุรกิจ และ MGR Online
ประกันสุขภาพ แผนบียอนด์ เพอร์ซันนัลแคร์ ( Beyond Personal Care )
- ค่ารักษาพยาบาลกรณีผู้ป่วยใน ( ค่าห้อง ค่าอาหาร และค่าบริการพยาบาลค่าบริการทั่วไปสำหรับการรักษาพยาบาลค่าธรรมเนียมแพทย์ผ่าตัดและค่าแพทย์เยี่ยมไข้ ) และการรักษาพยาบาลที่มีค่าใช้จ่ายสูง ( Major Medical ) สามารถเลือกแผนความคุ้มครองได้ตั้งแต่ 1,000,000 และ 5,000,000 บาท โดยไม่จำกัดจำนวนครั้งการรักษาต่อปี
- ค่าห้อง ค่าอาหาร และพยาบาล สูงสุดต่อวัน 12,000 บาท
- ค่าห้องไอซียูสูงสุด 24,000 บาท ( สูงสุด 15 วันต่อปี )
- ค่ารักษาพยาบาลทั่วไป สูงสุดถึงครั้งละ 200,000 บาท ต่อการเข้าพักรักษาตัวครั้งใดครั้งหนึ่ง
- ค่ารักษาพยาบาลฉุกเฉินกรณีผู้ป่วยนอก สูงสุด 25,000 บาท
- ค่าธรรมเนียมแพทย์ผ่าตัด รวมถึงค่าปรึกษาแพทย์ก่อนการผ่าตัด ( ตามตารางผ่าตัด ) สูงสุด 250,000 บาท
- ประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคล( อบ.2* ) กรณีเสียชีวิต สูญเสียอวัยวะสายตา การรับฟังเสียง การพูดออกเสียง และทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง รายละ 100,000 บาท
- เบี้ยประกันเริ่มต้น 2,279 บาท
ประกันสุขภาพ แผนบียอนด์ เพอร์ซันนัลแคร์ ( Beyond Personal Care )
หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมสามารถโทรมาสอบถามรายละเอียดต่างๆ ได้ที่ 02 710 3100 หรือแอดไลน์ @masii ( มี @ ด้วยนะ ) เพื่อติดตามข่าวสารและบทความดีๆ ที่ มาสิบล็อก เกี่ยวกับ ประกันวินาศภัย ประกันรถยนต์ ประกันรถมอเตอร์ไซด์ ประกันสุขภาพ ประกันโดรน ประกันการเดินทาง ประกันอุบัติเหตุ ประกันภาคธุรกิจ และพ.ร.บ. รวมทั้ง ผลิตภัณฑ์ทางการเงินจากสถาบันการเงินชั้นนำทั่วประเทศ
อ่านบทความที่น่าสนใจเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ประกันสุขภาพ
- รู้หรือไม่!? นั่งนานเกินไปไม่ใช่เรื่องดี ควรลุกเคลื่อนที่ทุก 30 นาที เพื่อหลีกหนี ออฟฟิศซินโดรม
-
masii ชวนทำ! แบบทดสอบตาบอดสี เช็กความเสี่ยง ตาบอดสีหรือไม่ รีบเช็กกันเลย
_____________________________________________
Please become Masii Fan !!
Facebook: www.facebook.com/MasiiThailand
Website: www.masii.co.th
Blog: https://blog.masii.co.th/
Line : @masii
Tel: 02 710 3100
Youtube: https://www.youtube.com/channel/UCV-5rpO5ZqAGfgLdKqzKGFw
Instagram: www.instagram.com/masii_thailand/
Twitter: twitter.com/MasiiGroup
#ประกันสุขภาพ #ประกันโควิด #ประกันไข้เลือดออก #ประกันการเดินทาง
#สินเชื่อส่วนบุคคล #บัตรกดเงินสด #สินเชื่อส่วนบุคคลออนไลน์ #กู้เงิน
#เงินสด #เงินก้อน #เงินกู้ทันใจ #เงินด่วน #เงินด่วนทันใจ
#ประกันภัยโดรน #ประกันโดรน #ลงทะเบียนโดรน #ขึ้นทะเบียนโดรน #Dronethailand
#ประกันรถยนต์ #ประกันรถยนต์ชั้น1 #สมัครประกันรถยนต์ #ประกันรถที่คุ้มที่สุด
#masii #มาสิ #ครบง่ายสะดวก #เพื่อความสุขในชีวิตที่ดีกว่า
#ครบง่ายสะดวกเพื่อความสุขในชีวิตที่ดีกว่า #SimplifiedComparison