น้องแมว ถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งสัตว์เลี้ยงยอดฮิตสำหรับคนเรา ด้วยความที่นิสัยขี้อ้อน และรูปร่างหน้าตาที่น่ารัก จึงไม่ใช่เรื่องแปลกใดที่จะตกคนเข้าด้อมให้เป็นทาสแมวได้ง่าย ๆ แต่ทั้งนี้ก็อย่างว่า ด้วยความแมวเป็นอีกหนึ่งสัตว์เลี้ยงที่ค่อนข้างจะใกล้ชิดกับคนเราจึงมักที่จะทำให้พฤติกรรมโดยธรรมชาติมีการเปลี่ยนแปลงไปค่อนข้างมาก ซึ่งมักที่จะส่งผลกระทบต่อด้านสุขภาพเป็นสำคัญ ดังนั้นแล้ว ตัวผู้เลี้ยงเองจึงควรศึกษาและรู้ก่อนว่าตัวเองเหมาะกับที่จะมีการเลี้ยงรูปแบบใด ซึ่งในปัจจุบันก็จะมีรูปแบบในการเลี้ยงดูสองรูปแบบเป็นสำคัญ นั่นคือ การเลี้ยงแมวระบบปิด และการเลี้ยงแมวระบบเปิด ซึ่งก็จะมีข้อดีข้อเสียและส่งผลกระทบต่อสุขภาพน้องแมวที่ต่างกังน ว่าแล้ววันนี้เรามาดูกันดีกว่าแท้จริงแล้วเราควรเลี้ยงดูน้องแมวแบบไหน รูปแบบไหนที่มีข้อดีมากกว่ากัน นอกจกานี้ มาสิ แนะนำมาเสริมสร้างในการดูแลเพื่อนซี้คู่ใจให้เต็มที่ด้วย ประกันสัตว์เลี้ยง ที่คุ้มครองค่ารักษาทั้งอาการเจ็บป่วยและบาดเจ็บ
เทียบให้ชัด! เลี้ยงแมว ระบบเปิด กับ ระบบปิด แบบไหนดีกว่ากัน…ดูแลเพื่อนซี้คู่ใจให้เต็มที่ด้วย ประกันสัตว์เลี้ยง ที่คุ้มครองค่ารักษาทั้งอาการเจ็บป่วยและบาดเจ็บ
เลี้ยงแมวระบบปิด คืออะไร?
การเลี้ยงแมวระบบปิด หรือที่เรียกให้เข้าใจง่าย ๆ ก็คือ การเลี้ยงแมวในบ้าน โดยไม่ได้ปล่อยแมวให้ออกไปเที่ยวเล่นข้างนอกบ้านนั่นเอง ซึ่งองค์กรทางสัตวแพทย์ The American Veterinary Medical Association (AVMA) ก็มีคำแนะนำให้เลี้ยงแมวระบบปิด เพราะจะช่วยลดอันตรายจากนอกบ้าน ซึ่งการอยู่ในบ้านย่อมมีโอกาสที่จะได้รับบาดเจ็บ หรือได้รับอันตรายน้อยกว่าที่อยู่นอกบ้าน
ผลของการเลือกเลี้ยงแมวระบบปิด
- น้องแมวปลอดภัย ไม่เสี่ยงเกิดอุบัติเหตุหรือการถูกทารุณกรรม
- น้องแมวไม่ติดโรค หรือมีความเสี่ยงที่จะป่วยต่ำ เช่น เอดส์ ลิวคีเมีย ไข้หัด
- ไม่ก่อความรำคาญหรือลำบากใจกับเพื่อนบ้านและกลุ่มคนที่ไม่ได้รักแมว
- น้องแมวไม่สูญหายหรือไม่กลับมา
- น้องแมวอายุยืน เพราะเราสามารถสังเกตความผิดปกติต่าง ๆ ได้ง่ายกว่า
ข้อดีของการเลี้ยงแมวระบบปิด
ข้อดีของการเลี้ยงแมวระบบปิด หรือการเลี้ยงแมวให้อยู่แต่ในบ้าน นอกจากข้อดีหลักในการตอบโจทย์รูปแบบที่อยู่อาศัย และการใช้ชีวิตในปัจจุบันแล้ว ก็ยังมีข้อดีอีกหลายประการไม่ว่าจะเป็น
- ลดโอกาสเกิดอันตรายจากการบาดเจ็บ : ลดการบาดเจ็บจากอันตรายที่น้องแมวอาจจะได้รับจากภายนอก ไม่ว่าจะเป็น รถชน อันตรายจากการปีนป่าย หรือแม้แต่อันตรายจากสัตว์ตัวอื่นๆ ซึ่งรวมถึงน้องแมวตัวอื่นด้วย
- ลดโอกาสสูญหาย : หลายครั้งหลายคราวที่เมื่อแมวไปเที่ยวนอกบ้าน แล้วไม่ได้กลับมา เหตุการณ์เช่นนี้คงไม่อยากให้มีใครเกิดขึ้นกับแมวที่เรารัก การเลี้ยงแมวระบบปิด จึงช่วยลดปัญหานี้ได้เป็นอย่างดี
- ลดโอกาสติดโรคติดต่อร้ายแรงในแมว : แมวที่เลี้ยงแบบปล่อยนั้นนอกจากจะมีโอกาสได้รับบาดเจ็บสูงกว่าแมวที่เลี้ยงระบบปิดแล้ว ยังมีโอกาสที่จะติดโรคติดต่อร้ายแรงต่าง ๆ จากการต่อสู้กันเมื่อออกไปอยู่นอกบ้าน
- ลดโอกาสติดปรสิตชนิดต่าง ๆ : แน่นอนว่าการเลี้ยงแมวให้อยู่แต่ในบ้านนั้นลดโอกาสที่จะติดปรสิตต่าง ๆ ที่สามารถพบในแมวได้ ทั้งเห็บ หมัด พยาธิหนอนหัวใจ รวมทั้งพยาธิชนิดต่าง ๆ ได้ดีกว่า เพราะเราสามารถที่จะควบคุมความสะอาดให้กับน้องได้เป็นอย่างดี
- มีอายุยืนยาวกว่า : โดยพบว่าแมวที่เลี้ยงระบบปิด จะมีอายุยืนยาวกว่าแมวที่เลี้ยงแบบปล่อย ซึ่งอายุยาวนานได้ถึง 17 ปี หรือมากกว่านั้น เพราะนอกจากที่แมวจะได้รับอันตรายจากอุบัติเหตุ และติดโรคน้อยกว่าแมวเลี้ยงปล่อยแล้ว เจ้าของแมวที่เลี้ยงในระบบปิด จะมีโอกาสสังเกตเห็นความผิดปกติต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นกับแมวได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ และพาแมวไปรับการรักษาได้เร็วกว่าแมวที่เลี้ยงแบบปล่อยนั่นเอง
ข้อเสียของการเลี้ยงแมวระบบปิด
ใช่ว่าการเลี้ยงแมวระบบปิดจะมีแต่ข้อดี เพราะการเลี้ยงแมวให้อยู่แต่ในบ้านก็มีข้อเสียที่เจ้าของแมวต้องระมัดระวังอยู่เหมือนกัน ซึ่งส่วนมากมักจะเป็นโรคที่เกิดจากวิธีการเลี้ยง เช่น
- เกิดโรคอ้วนหรือภาวะน้ำหนักเกิน : สาเหตุของความอ้วนนั้นก็มาจากการขาดการออกกำลังกาย เพราะได้วิ่งเล่นน้อยกว่าแมวที่เลี้ยงแบบปล่อย บวกกับการกินอาหารที่สามารถทำได้ตลอดทั้งวัน
- โรคอื่น ๆ : เช่น โรคเบาหวาน ซึ่งสาเหตุที่โน้มนำให้เกิดปัญหาโรคเบาหวานนี้ก็มาจากการเกิดโรคอ้วนนี่เอง นอกจากนี้ปัญหาโรคอ้วน ยังทำให้แมวเกิดปัญหาหาข้ออักเสบตามมาได้เช่นกัน
- อุบัติเหตุจากการตกจากที่สูง : ข้อนี้เน้นเป็นพิเศษสำหรับเจ้าของแมวที่อาศัยอยู่ในคอนโดมิเนียม อย่าลืมเช็คประตูหน้าต่างในห้องทุกครั้งว่าปิดสนิทดีหรือไม่ เพราะแมวตัวซนอาจจะปีนเล่นจนได้รับอุบัติเหตุ (อย่างเช่นข่าวที่ได้ตามมาในช่วงนี้)
เลี้ยงแมวระบบเปิด คืออะไร?
การเลี้ยงแมวระบบเปิด นั่นก็คือ การเลี้ยงแมวที่ให้อิสระเสรีในการไปไหนต่อไหนกับน้องแมวค่อนข้างมาก ซึ่งหลาย ๆ บ้านมักจะเลี้ยงแมวในลักษณะนี้ คือ เจ้าของมีหน้าที่ในการให้อาหาร คลุกคลีบ้างเป็นบางครั้ง แต่ก็จะให้อิสระในการออกเที่ยวกับแมวเท่าที่มันอยากได้ ซึ่งจริง ๆ แล้ว การเลี้ยงแมวระบบเปิดค่อนข้างจะเหมาะสำหรับวิถีชีวิตของแมวค่อนข้างมาก
ผลของการเลือกเลี้ยงแมวระบบเปิด
- น้องแมวได้ออกกำลังกายเต็มที่
- ลดการเกิดโรคอ้วนหรือภาวะน้ำหนักเกิน
- น้องแมวมีเพื่อนเล่น ในช่วงเวลาที่เราไม่อยู่
- เสี่ยงอุบัติเหตุตกจากที่สูง (กรณีเจ้าของอาศัยอยู่คอนโด)
- น้องแมวเสี่ยงเป็นแมวจร เพราะหาทางกลับบ้านไม่เจอ
ข้อดีของการเลี้ยงแมวระบบเปิด
อย่างที่ได้กล่าวไปข้างต้นว่า การเลี้ยงแมวระบบเปิดเป็นรูปแบบการเลี้ยงที่ค่อนข้างจะเหมาะกับวิถีชีวิตของแมวค่อนข้างมาก เพราะแมวจะได้รับอิสระในการใช้ชีวิตมากกว่าการเลี้ยงแมวในระบบปิด โดยข้อดีของการเลี้ยงแมวระบบเปิด คือ
- ร่างกายฟิต สุขภาพจิดดี : โดยการเลี้ยงระเปิดจะทำให้แมวไม่ค่อยเครียด เพราะสามารถออกไปเที่ยวเตร่ได้ตามใจชอบ ซึ่งเป็นผลดีทั้งสุขภาพจิตของน้องแมวเอง แล้วยังทำให้ช่วยลดปัญหาโรคอ้วนจากการไม่ได้เคลื่อนไหวไปไหนมาไหนแบบน้องแมวระบบปิดด้วย
- สุขลักษณะในบ้านดี : บ้านไม่เลอะเทอะเปรอะเปื้อน ไม่ต้องกังวลเรื่องกลิ่นหรือความสะอาดเนื่องจากการขังแมวไว้ในทีี่จำกัด
ข้อเสียของการเลี้ยงแมวระบบเปิด
ซึ่งอย่างที่ทราบไปแล้วข้างต้น การเลี้ยงแมวในระบบเปิด ทำให้น้องแมวมีโอกาศเสี่ยงที่จะได้รับอันตรายจากปัจจัยภายนอกที่เราไม่สามารถควบคุมได้ เช่น รถชน ถูกทำร้าย หรือโรคติดต่อจากภายนอก นอกจากนี้ การเลี้ยงเเมวในระบบปิดมีข้อเสียอื่น ๆ ดังนี้
- เสี่ยงกับการที่แมวสูญหาย : เนื่องจากออกไปเที่ยวนอกบ้าน ซึ่งมีสภาพแวดล้อมที่เราไม่สามารถควบคุมได้
- เสี่ยงกับการติดโรคติดต่อ : การเลี้ยงแมวระบบทำให้น้องแมวสามารถเข้าถึงแหล่งที่เป็นพาหะนำโรคของแมวมาจากภายนอก เ่ช่น ไข้หัดแมว,พิษสุนัขบ้า,ลำไส้อักเสบ เป็นต้น ได้มากยิ่งขึ้น
- เสี่ยงก่อให้เกิดข้อพิพาทในสังคม : มีโอกาสเกิดความบาดหมางระหว่างเพื่อนบ้าน เนื่องจากแมวของเราไปทำความเดือดร้อนรำคาญให้
- เสี่ยงเพิ่มภาระจากการเพิ่มจำนวนไม่พึงประสงค์ : แมวตัวเมียตั้งท้องแบบไม่พึงประสงค์ เพิ่มจำนวนประชากรแมวภายในบ้านโดยไม่ตั้งใจในแมวตัวเมียที่ยังไม่ได้คุมกำเนิดหรือทำหมัน
- ควบคุมสุขลักษณะ ความสะอาดของน้องได้ยาก : ไม่สามารถควบคุมดูแลการติดปรสิตชนิดต่าง ๆ ได้ เช่น เห็บ หมัด ไร เป็นต้น
ดังนั้น ก่อนที่จะทำการเลี้ยงแมวควรดูด้วยว่าตนเองมีความพร้อมในการเลี้ยงแมวในระบบไหน เพราะการเลี้ยงของทั้งสองระบบนี้จะมีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกันออกไป ที่สำคัญ ควรมีเวลาที่จะเล่นและใส่ใจในการดูแล เพราะเขาสามารถสัมผัสถึงความรักและความเอาใจใส่ของผู้เลี้ยงได้
ขอขอบคุณ : BUZZ Pets และ Purina
เพื่อเป็นการดูแลสัตว์เลี้ยงแสนรักต่าง ๆ ของเราได้เต็มที่ มาเสริมความคุ้มครองกันด้วย ประกันสัตว์เลี้ยง ที่แม้ว่ากรณีที่สัตว์เลี้ยงแสนรักหายออกจากบ้านไป แล้วได้ใช้วิธีติดประกาศตามหา ไม่ว่าจะเป็นการติดแผ่นป้ายโปสเตอร์ โบร์ชัวร์ หรือซื้อโฆษณาในช่องทางออนไลน์ ทาง ประกันสัตว์เลี้ยง ก็ให้ความคุ้มครองในส่วนของค่าใช้จ่ายในการโฆษณา การประกาศเพื่อติดตามสัตว์เลี้ยงที่สูญหายด้วย ซึ่งรายละเอียดจะเป็นอย่างไรบ้างนั้นมาดูกัน
เมืองไทย Cats & Dogs Plus
คุ้มครองสัตว์เลี้ยงแสนรักเมื่อเจ็บป่วย หรือเกิดอุบัติเหตุ พร้อมคุ้มครองความรับผิด หากสัตว์เลี้ยงของคุณทำให้ผู้อื่นบาดเจ็บ หรือทรัพย์สินเสียหาย
ความคุ้มครอง ( Insurance Coverage ) : | แผนสำหรับสัตว์เลี้ยงที่ไม่ได้ฝังไมโครชิป | |||
แผนที่ 1 | แผนที่ 2 | แผนที่ 3 | แผนที่ 4 | |
1. เสียชีวิตเนื่องจากการบาดเจ็บจากอุบัติเหตุ หรือการเจ็บป่วย | 5,000 | 5,000 | 5,000 | – |
2. ค่ารักษาพยาบาลจากการบาดเจ็บ จากอุบัติเหตุแต่ละครั้ง | 30,000 | 20,000 | 10,000 | 5,000 |
3. ค่ารักษาพยาบาลจากการเจ็บป่วย | ||||
– ต่อการรักษาแต่ละครั้ง | 3,000 | 2,000 | 1,000 | 1,000 |
– สูงสุดต่อปี | 15,000 | 10,000 | 5,000 | 5,000 |
4. ค่ารักษาพยาบาลของสัตว์เลี้ยงที่สืบเนื่องมาจากพยาธิ เห็บ หมัด ไร เล็น โรคเรื้อน หรือโรคผิวหนังทุกชนิด | ||||
– ต่อการรักษาแต่ละครั้ง | 3,000 | 2,000 | 1,000 | 1,000 |
– สูงสุดต่อปี | 15,000 | 10,000 | 5,000 | 5,000 |
5. ความรับผิดต่อบุคคลภายนอกอันเนื่องมาจากสัตว์เลี้ยง ความเสียหายต่อชีวิต ร่างกาย หรือทรัพย์สิน ของบุคคลภายนอก (ต่อครั้ง ต่อปี) | 20,000 | 15,000 | 10,000 | 10,000 |
6. ค่าใช้จ่ายในการโฆษณา การประกาศเพื่อติดตามสัตว์เลี้ยงที่สูญหาย (ต่อครั้ง ต่อปี) | 5,000 | 3,000 | 2,000 | – |
7. การฉีดวัคซีน ตามประเภทโรคและกำหนดเวลาตามมาตรฐาน (สูงสุดต่อปี) | 500 | – | – | – |
8. ค่าใช้จ่ายในการจัดงานศพ | 5,000 | 3,000 | 2,000 | 2,000 |
9. การฝังไมโครชิป (50% ของค่าใช้จ่ายจริง สูงสุดไม่เกิน 250 บาท) (เฉพาะแผนที่ฝังไมโครชิป) | – | – | – | – |
เบี้ยประกันภัยรายปี รวมอากรแสตมป์และภาษีมูลค่าเพิ่ม : | 13,200 | 8,900 | 5,600 | 3,200 |
อายุ 3 เดือน – 7 ปี |
เงื่อนไขและข้อยกเว้น :
- สัตว์เลี้ยงต้องมีอายุระหว่าง 3 เดือน ถึง 7 ปี และอยู่ในประเทศไทยเท่านั้น
- สัตว์เลี้ยงต้องมีสุขภาพสมบูรณ์ ไม่มีอาการบาดเจ็บ พิการ หรือเจ็บป่วย (ดูจากใบรับรองตรวจสุขภาพสัตว์เลี้ยง)
- สัตว์เลี้ยงต้องได้รับการฉีดวัคซีนครบตามประเภทโรคและกำหนดเวลาตามมาตรฐาน
- ต้องมีไมโครชิป (กรณีทำประกันภัยแบบฝังไมโครชิป) และ ค่าฝังไมโครชิปให้ความคุ้มครองเฉพาะเมื่อกรมธรรม์มีผลบังคับเป็นครั้งแรก
- บริษัทฯ จะจ่ายค่าชดเชยในกรณีที่ผู้เอาประกันภัยนำสัตว์เลี้ยงที่เอาประกันภัยไปรับการฝังไมโครชิป ภายในระยะเวลา 30 ก่อนวันที่กรมธรรม์ประกันภัยมีผลบังคับเป็นครั้งแรก โดยบริษัทฯ จะชดเชยเป็นจำนวนเงินร้อยละ 50 ของค่าฝังไมโครชิปที่เกิดขึ้นจริง และไม่เกินตามที่ระบุไว้ในตารางกรมธรรม์ประกันภัย
ไม่คุ้มครอง :
- การเสียชีวิต การบาดเจ็บ และการเจ็บป่วยที่เป็นสภาพที่เป็นมาก่อนการเอาประกันภัย
- การเสียชีวิต หรือการรักษาพยาบาลเนื่องจากการเจ็บป่วยที่เกิดขึ้นในระหว่างระยะเวลาที่ไม่คุ้มครอง (Waiting Period) ที่เกิดขึ้นภายในระยะเวลา 60 วัน หลังจากที่กรมธรรม์ประกันภัยมีผลบังคับเป็นครั้งแรก
และนี่ก็เป็นทั้งสาระความรู้ และอีกหนึ่งตัวช่วยดี ๆ ในการดูแลสัตว์เลี้ยงอย่าง ประกันสัตว์เลี้ยง ที่ มาสิ ได้เอามาฝากกันและหากใครที่พบน้องหมา น้องแมวแล้ว ไม่ว่าน้องจะกลับบ้านมาเอง หรือมีคนพบเห็น เมื่อพบแล้วก็ควรป้องกันไม่ให้น้องหายไปอีก ด้วยการหาปลอกคอมาใส่ให้น้องหมา-น้องแมว โดยอาจเป็น ปลอกคอระบุชื่อน้อง พร้อมเบอร์เจ้าของ หากใครพบเจอจะได้โทรหาให้เจ้าของกลับไปรับได้ หรือติด GPS ห้อยไว้ที่ปลอกคอ เพื่อตามพิกัดว่าน้องอยู่ที่ไหนรวมถึงควรทำรั้วรอบขอบชิด และคอยดูแลน้องหมา-น้องแมว ให้อยู่ในสายตาเสมอ
สนใจสมัคร ประกันสัตว์เลี้ยง
หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมสามารถโทรมาสอบถามรายละเอียดต่างๆ ได้ที่ 02 710 3100 หรือแอดไลน์ @masii ( มี @ ด้วยนะครับ ) เพื่อติดตามข่าวสารและบทความดีๆ ที่ มาสิบล็อก เกี่ยวกับ ประกันวินาศภัย ประกันรถยนต์ ประกันรถมอเตอร์ไซด์ ประกันสุขภาพ ประกันโดรน ประกันการเดินทาง ประกันอุบัติเหตุ ประกันภาคธุรกิจ และพ.ร.บ. รวมทั้ง ผลิตภัณฑ์ทางการเงินจากสถาบันการเงินชั้นนำทั่วประเทศ
อ่านบทความที่น่าสนใจเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ประกันสัตว์เลี้ยง
_____________________________________________
Please become Masii Fan
Facebook: https://lnkd.in/gFFh8mh
Website: www.masii.co.th
Blog: https://masii.co.th/blog
Line: @masii
Tel: 02 710 3100
Youtube: https://lnkd.in/gbQf9eh
Instagram: https://lnkd.in/ga4j5ri
Twitter: twitter.com/MasiiGroup
#สินเชื่อ #ประกัน
#ประกันบ้าน #ประกันภัยบ้าน
#รถแลกเงิน #บ้านแลกเงิน #สินเชื่อส่วนบุคคล
#บัตรกดเงินสด #เงินด่วนทันใจ #สินเชื่อส่วนบุคคลออนไลน์
#กู้เงิน #เงินสด #เงินก้อน #เงินด่วน #เงินกู้ทันใจ #masii
#มาสิ #ครบง่ายสะดวก #เพื่อความสุขในชีวิตที่ดีกว่า
#ครบง่ายสะดวกเพื่อความสุขในชีวิตที่ดีกว่า #SimplifiedComparison