ก่อนต่อภาษี ตรวจสภาพรถ ต้องเตรียมอะไรบ้าง ตาม มาสิ ไปดู…พร้อมมาเสริมความคุ้มครองในทุกการขับขี่ด้วย ประกันรถยนต์ ชั้น 1 เบี้ยเริ่มต้นเพียง 8,500 บาท

ตรวจสภาพรถยนต์
ก่อนต่อภาษี ตรวจสภาพรถ ต้องเตรียมอะไรบ้าง ตาม มาสิ ไปดู...คุ้มครองทุกการขับขี่ด้วย ประกันรถยนต์
สมัครรถแลกเงินโปรโมชั่น แจกฟรี Voucher Lazada

สำหรับสิ่งที่ต้องทำเป็นประจำในทุก ๆ ปี สำหรับผู้ที่มีรถยนต์เพื่อใช้ในการขับขี่ นั่นก็คือ การต่อภาษี ที่ต้องมีการทำเป็นประจำและสำคัญมาก ทั้งนี้ หากที่เป็นรถคันใหม่ที่เราพึ่งซื้อกันมาได้ไม่นาน ขั้นตอนในการต่อภาษีก็จะไม่มีความซับซ้อนมากมาย แต่หากเป็นรถคันเก่าที่ซื้อมานานเกินกว่า 5 หรือ 7 ปี สิ่งที่ต้องทำเป็นประจำก่อนที่จะทำการต่อภาษีได้ นั่นก็คือ การต่อสภาพตามกฏหมายบังคับก่อนจึงจะสามารถทำการต่อภาษีได้ เพื่อให้ได้ใบรับรองการตรวจสภาพรถที่พร้อมใช้งาน ไม่เกิดปัญหาในระหว่างการขับขี่ ทั้งนี้ สำหรับขั้นตอนในการในการ ตรวจสภาพ ก่อนการต่อภาษีต้องทำอย่างไรบ้าง ต้องเตรียมความพร้อมอย่างไร หรือมีค่าใช้จ่ายเท่าไรที่ต้องใช้ วันนี้ มาสิ ได้เตรียมข้อมมูลมาอัพเดทให้ได้อ่านกันแล้ว นอกจากนี้ มาสิ แนะนำมาเสริมสร้างความคุ้มครองในการขับขี่ทุกเส้นทางให้เต็มที่ด้วย ประกันรถยนต์ ชั้น 1 ที่ให้ความคุ้มครองครบ พร้อมเบี้ยประกันเริ่มต้น เพียง 8,500 บาท รายละเอียดความคุ้มครองจะเป็นอย่างไรบ้าง ตาม มาสิ ไปดูกัน

ก่อนต่อภาษี ตรวจสภาพรถ ต้องเตรียมอะไรบ้าง ตาม มาสิ ไปดู…พร้อมมาเสริมความคุ้มครองในทุกการขับขี่ด้วย ประกันรถยนต์ ชั้น 1 เบี้ยเริ่มต้นเพียง 8,500 บาท

ภาษีรถยนต์

ภาษีรถยนต์ คือ ค่าใช้จ่ายที่เจ้าของรถทุกคนต้องดำเนินการชำระทุกปี เพื่อนำเงินไปดูแลรักษาระบบคมนาคมและภาคส่วนอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ในการที่จะจ่ายภาษี ต้องต่อ พ.ร.บ. รถยนต์ ให้เรียบร้อยก่อน เพื่อนำเอกสาร พ.ร.บ. รถยนต์ ไปต่อภาษี ส่วนระยะเวลาที่ผู้ขับขี่ต้องต่อภาษี สามารถเช็กได้ง่าย ๆ จากวันหมดอายุที่เขียนไว้บนป้ายภาษีหรือที่เรียกว่าป้ายวงกลมหน้ารถได้เลย

รถแต่ละประเภทก็จะมีอัตราค่าใช้จ่ายที่แตกต่างกันไป โดยกรมการขนส่งทางบกจัดเก็บภาษีในอัตราต่าง ๆ ตาม พ.ร.บ รถยนต์ พ.ศ. 2522 เช่น รถยนต์ส่วนบุคคลไม่เกิน 7 คน จัดเก็บตามความจุกระบอกสูบ (ซีซี) และรถยนต์ประเภทอื่นจัดเก็บเป็นรายคัน เป็นต้น โดยอัตราการจัดเก็บภาษีรถยนต์ ปี 2566 มีดังต่อไปนี้

1.จัดเก็บตามความจุกระบอกสูบ (ซีซี)

รถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 คน

  • 600 ซีซีแรก ซีซีละ 0.50 บาท
  • 601 – 1,800 ซีซี ซีซีละ 1.50 บาท
  • เกิน 1,800 ซีซี ซีซีละ 4.00 บาท

***รถของนิติบุคคลที่มิได้เป็นผู้ให้เช่าซื้อ  จ่ายภาษี 2 เท่า

สำหรับรถยนต์ที่มีอายุการใช้งานมาหลายปีแล้ว หากต้องการต่อภาษีรถ 2566 จะมีส่วนลดค่าภาษีให้ ดังนี้

  • ปีที่ 6 ร้อยละ 10
  • ปีที่ 7 ร้อยละ 20
  • ปีที่ 8 ร้อยละ 30
  • ปีที่ 9 ร้อยละ 40
  • ปีที่ 10 ขึ้นไป ร้อยละ 50
  1. จัดเก็บเป็นรายคัน
  • รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคล คันละ 100 บาท
  • รถจักรยานยนต์สาธารณะ คันละ 100 บาท
  • รถพ่วงข้างจักรยานยนต์ส่วนบุคคล คันละ 50 บาท
  • รถพ่วงชนิดอื่น คันละ 100 บาท
  • รถบดถนน คันละ 200 บาท
  • รถแทรกเตอร์ที่ใช้ในการเกษตร คันละ 50 บาท
  1. จัดเก็บตามน้ำหนัก

เช็กอัตราตามน้ำหนักและประเภทรถได้ ที่นี่

  1. รถพลังงานไฟฟ้า
  • รถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 คน ให้เก็บภาษีตามน้ำหนักของรถในอัตรารถยนต์นั่งส่วนบุคคลเกิน 7 คน
  • รถพลังงานไฟฟ้าอื่น ๆ ให้เก็บภาษีครึ่งหนึ่งของการเก็บรายคันและตามน้ำหนัก

ต่อภาษีรถยนต์ได้เมื่อไร?

การต่อภาษีรถยนต์สามารถทำได้ตลอดปี ขึ้นอยู่กับวันหมดอายุของป้ายวงกลมที่ระบุไว้หน้ารถ และสามารถต่อล่วงหน้าได้มากถึง 90 วันก่อนครบกำหนด

ทำไม ก่อนต่อภาษี รถยนต์อายุการใช้งานมากกว่า 7 ปี ต้องตรวจสภาพ?

การตรวจเช็กสภาพรถประจำปี เป็นการตรวจสอบสภาพของตัวรถให้พร้อมใช้งานอยู่เสมอ เพื่อความปลอดภัยของผู้ขับขี่และผู้โดยสาร อีกทั้ง ยังจะช่วยลดความสูญเสียและอุบัติเหตุต่าง ๆ ทั้งที่จะเกิดกับเราและผู้ร่วมทางที่อยู่บนท้องถนน รวมถึงให้เป็นไปตามกฎของกระทรวงตามพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ. 2522 ที่ว่าด้วยรถยนต์ที่มีอายุใช้งานเกิน 7 ปี นับตั้งแต่วันที่จดทะเบียนครั้งแรก จะต้องได้รับการตรวจสภาพรถก่อนจะไปยื่นชำระภาษีรถยนต์ประจำปี

รถประเภทไหนบ้างที่ต้องตรวจ ?

สำหรับรถยนต์ที่เข้าข่ายที่ต้องได้รับการตรวจสภาพ จะนับจากอายุการใช้งานของรถ โดยให้นับอายุทางทะเบียนตั้งแต่วันที่จดทะเบียนครั้งแรก ถึงวันสิ้นสุดอายุภาษีประจำปี (วันครบกำหนดเสียภาษีประจำปี) ทั้งนี้ สามารถนำรถเข้าตรวจสภาพล่วงหน้าได้ 3 เดือน ก่อนถึงวันสิ้นอายุภาษีประจำปี โดยมีรายละเอียด ดังนี้

  • รถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 คน ที่มีอายุใช้งานครบ 7 ปีขึ้นไป
  • รถยนต์นั่งส่วนบุคคลเกิน 7 คน ที่มีอายุใช้งานครบ 7 ปีขึ้นไป
  • รถยนต์บรรทุกส่วนบุคคล ที่มีอายุใช้งานครบ 7 ปีขึ้นไป

รถยนต์ที่ตรวจสภาพ ต้องตรวจอะไรบ้าง ?

ในการตรวจสภาพรถยนต์ประจำปี เบื้องต้นเจ้าหน้าที่จะทำการตรวจสอบข้อมูลของตัวรถว่าตรงกับที่ระบุในใบคู่มือจดทะเบียนหรือไม่ จากนั้นจะทำการตรวจสอบความพร้อมของสภาพรถ ได้แก่ ตัวถัง สี อุปกรณ์เกี่ยวกับความปลอดภัย พวงมาลัย ที่ปัดน้ำฝน ว่าพร้อมใช้งานมากน้อยขนาดไหน ซึ่งรายละเอียดที่ทำการตรวจประกอบด้วย

  • ตรวจสอบระบบบังคับเลี้ยว ระบบเบรก ว่ายังใช้งานได้ปกติหรือไม่ พร้อมทดสอบประสิทธิภาพการเบรก โดยตรวจสอบอุปกรณ์ทุกชิ้นให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน
  • ตรวจสอบวัดโคมไฟหน้า ทิศทางการเบี่ยงเบนของแสง และวัดค่าความเข้มของแสง
  • ตรวจสอบวัดก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ (CO) และก๊าซไฮโดรคาร์บอน (HC) ของรถยนต์ส่วนบุคคลไม่เกิน 7 ที่นั่ง รถยนต์เครื่องดีเซล ต้องตรวจควันดำ โดยระบบการกรองต้องไม่เกินร้อยละ 50 และระบบความทึบแสงต้องไม่เกินร้อยละ 45
  • ตรวจวัดเสียงรถ ต้องไม่เกิน 100 เดซิเบล
  • สำหรับรถใช้แก๊สนั้นจะต้องมีการตรวจเพิ่มเติม คือ การตรวจ ทดสอบ เช็กตามข้อต่อ ตลอดจนท่อและอุปกรณ์แก๊สทั้งระบบ ว่ามีความสมบูรณ์พร้อมใช้งานหรือไม่ โดยถังแก๊สต้องมีอายุไม่เกิน 10 ปี รถที่ติดถังแก๊สที่มีอายุเกิน 10 ปี จะมีการตรวจสอบว่ายังใช้งานได้ต่ออีกหรือไม่ โดยจะพิจารณาจากอุปกรณ์ที่ติดตั้งว่ามีความสมบูรณ์พร้อมใช้งานมากน้อยขนาดไหน ซึ่งถ้าตรวจสอบแล้วก็จะออกใบรับรองเพื่อยืดอายุการใช้งานต่อได้อีก 5 ปี ตามกฎหมาย

สิ่งที่ต้องเตรียม ก่อนการตรวจสภาพรถมีอะไรบ้าง?

  1. หนังสือแสดงการจดทะเบียนรถ (ถ้ามี) หรือใบแทน
  2. หลักฐานการจัดให้มีประกันภัยตาม พ.ร.บ.คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ. 2535
  3. หลักฐานการผ่านการตรวจสภาพรถ สำหรับรถยนต์ที่มีเงื่อนไข ดังนี้
    • รถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 คน (รย.1) ที่มีอายุใช้งานครบ 7 ปี ขึ้นไป
    • รถยนต์นั่งส่วนบุคคลเกิน 7 คน (รย. 2) ที่มีอายุใช้งานครบ 7 ปี ขึ้นไป
    • รถยนต์บรรทุกส่วนบุคคล (รย.3) ที่มีอายุใช้งานครบ 7 ปี ขึ้นไป
    • รถจักรยานยนต์ (รย.12) ที่มีอายุใช้งานครบ 5 ปี ขึ้นไป

ตรวจสภาพรถ มีค่าใช้จ่ายเท่าไร?

  • การตรวจสภาพรถประจำปีทั้งรถยนต์ และมอเตอร์ไซค์จะมีค่าใช้จ่ายทั้งหมด ดังนี้
  • รถจักรยานยนต์ คันละ 60 บาท
  • รถยนต์ที่มีน้ำหนักรถเปล่าไม่เกิน 1,600 กิโลกรัม คันละ 150 บาท
  • รถยนต์ที่มีน้ำหนักรถเปล่าเกิน 1,600 กิโลกรัม คันละ 250 บาท

นอกจากนี้ ถ้าหากตรวจสภาพแล้วไม่ผ่าน สามารถนำรถกลับไปแก้ไขให้ได้สภาพตามข้อกำหนด และนำกลับมาตรวจสอบที่เดิมได้ โดยจะเสียค่าใช้จ่ายเพียงครึ่งเดียวของอัตราที่กำหนดเอาไว้ แต่จะต้องนำกลับมาตรวจภายใน 15 วัน หากนำมาตรวจเกินเวลาที่กำหนดต้องชำระเต็มจำนวนอีกครั้งหนึ่ง

ตรวจสภาพรถ สามารถตรวจที่ไหนได้บ้าง?

สำหรับสถานที่ในการตรวจสภาพรถนั้นจะมีอยู่ 2 แห่งด้วยกัน ได้แก่

กรมการขนส่งทางบก เจ้าของรถสามารถติดต่อขอตรวจสภาพรถประจำปีที่กรมการขนส่งทางบกได้โดยตรงภายในจังหวัดที่อยู่ใกล้ที่สุด แต่ส่วนมากจะนิยมตรวจสภาพรถยนต์ขนาดใหญ่มากกว่า รวมถึงรถที่มีการดัดแปลงสภาพ เปลี่ยนสีตัวถัง เปลี่ยนเครื่องยนต์ รถที่มีปัญหาเกี่ยวกับเลขตัวรถ หรือเลขเครื่องยนต์ รถที่ขาดต่ออายุทะเบียนเกิน 1 ปี เป็นต้น

สถานตรวจสภาพรถเอกชน หรือ ตรอ. เป็นสถานตรวจสภาพรถที่ได้รับอนุญาตจากกรมการขนส่งทางบก โดยสถานที่นี้จะรับตรวจเช็กสภาพรถให้ตรงตามข้อกำหนดของกรมการขนส่งทางบก และสามารถออกเอกสารการันตีเพื่อใช้ในการต่อภาษีประจำปีได้

นอกจากนี้ ยังมีรถบางลักษณะที่ไม่เข้าเกณฑ์การตรวจสภาพรถของเอกชน หรือ ตรอ. ได้ โดยจะเป็นกลุ่มรถประเภทดัดแปลงสภาพผิดไปจากที่ได้จดทะเบียนไว้ เช่น เปลี่ยนชิ้นส่วนรถ เปลี่ยนสี เปลี่ยนเครื่องยนต์ จนไม่เหลือสภาพเค้าเดิม, ตัวเลขรหัสรถหรือรหัสเครื่องยนต์ชำรุด หรือมีร่องรอยการแก้ไข ขูด ลบ หรือลบเลือนจนไม่สามารถตรวจสอบได้, รถที่ไม่สามารถใช้งานได้ชั่วคราว หรือใช้งานไม่ได้ถาวร, รถที่มีเลขทะเบียนรุ่นเก่า (เช่น กท-00001, กทจ-0001 เป็นต้น), รถที่ถูกโจรกรรมแล้วได้คืน และรถที่ขาดต่อทะเบียนเกิน 1 ปี ซึ่งรถที่เข้าข่ายลักษณะนี้จะต้องนำไปตรวจที่กรมการขนส่งทางบกเท่านั้น

ขอขอบคุณ : Kapook และ INFO PORTAL

และนี่ก็เป็นเพียงอีกหนึ่งสาระดีๆ มาสิ ได้เอามาอัพเดทให้ทุกคนไปเตรียมพร้อมกัน นอกจากนี้ ความอันตรายบนท้องถนนที่มีมากจนติดอันดับโลกแล้วนั้น ด้วยยุคนี้สมัยนี้สภาพอากาศฤดูกาลแปรปรวนและเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ซึ่งเรื่องของการดูแลรักษาเตรียมความพร้อมรับมือกับสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นให้กับรถเราเป็นสิ่งที่ดี ดังนั้นแล้ว เราควรเสริมความคุ้มครองด้วย ประกันรถยนต์ เพราะจะได้ความคุ้มครองครบ แถมอุ่นใจได้ทุกครั้งเมื่อเกิดปัญหา วันนี้ มาสิ จะเอาประกันรถยนต์ไหนมาแนะนำให้ทุกคนได้รู้จักกันบ้างนั้นไปดูกัน

ประกันรถยนต์ ชั้น 1 Super Save Mini

เก๋ง กระบะ ราคาเดียว 8,500 บาท/ปี

เทเวศประกันภัย

ประกันรถยนต์ ชั้น 1 จากเทเวศ ประกันภัย ทุนประกันสูงสุด 400,000 บาท รับอายุรถสูงสุด 20 ปี เก๋ง/กระบะ ราคาเดียวกัน เบี้ยเริ่มต้นเพียง 8,500 บาท ฟรี! บริการช่วยเหลือรถเสียฉุกเฉิน Roadside Service* ซึ่งรายละเอียดความคุ้มครอง มีดังนี้

ความคุ้มครอง ประเภท 1
1.ความรับผิดชอบต่อบคคลภายนอก
1.1.ความรับผิดชอบต่อความบาดเจ็บ/เสียชีวิตของบุคคลภายนอก 500,000
ของบุคคลภายนอก 10,000,000
1.2.ความรับผิดชอบต่อทรัพย์สินบุคคลภายนอก – รถกระบะ 4 ประตู รหัส 110 2,500,000
1.2. ความรับผิดชอบต่อทรัพย์สินบุคคลภายนอก – รถกระบะ รหัส 320 1,000,000
2. ความรับผิดชอบต่อรถประกัน
2.1 ความเสียหายต่อตัวรถยนต์ที่เอาประกัน ตามทุนประกัน
2.2 กรณีรถยนต์สูญหาย/ไฟไหม้ ตามทุนประกัน
ความดัมดรองตามเอกสารแนบท้าย
1.ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล 100,000
2.ค่ารักษาพยาบาล 100,000
3.การประกันตัวผู้ขับ 300,000
จำนวนที่นั่งที่คุ้มดรอง (ผู้ชับขี่รวมผุโดยสาร) รถกระบะ 4 ประตุ รหัส 110 7 ที่นั่ง
จำนวนที่นั่งที่คุ้มดรอง (ผู้ชับขี่รามผู้โดยสาร) รถกระบะ รหัส 320 3 ที่นั่ง

 

ตารางแสดงเบี้ยประกันเริ่มต้น

ประเภทรถ อายุรถ 2-7 ปี อายุรถ 8-15 ปี อายุรถ 16-20 ปี
ทุนประกัน เบี้ยประกัน ทุนประกัน เบี้ยประกัน ทุนประกัน เบี้ยประกัน
100,000 8,5000 100,000 8,500 100,000 9,000
– กระบะตอนเดียว/ตอนครึ่ง 200,000 9,000 150,000 9,000 150,000 9,500
– กระบะจดเก๋ง ( 4 ประตู ) 250,000 10,000 200,000 10,000 200,000 10,5000
– รถเก่งกลุ่ม 3-5 300,000 11,000 250,000 11,000 250,000 11,500
400,000 12,000 400,000 12,000 400,000 12,500

 

เงื่อนไขพิเศษ

  1. เรียกเก็บด่าเสียหายส่วนแรก 3,000 บาท เมื่อ

– กรณีกิดอุบัติหตุแล้วไม่สมารถแจ้งให้บริษัททราบถึงคู่กรณีกฝ่ายหนึ่งได้

– กรณีเกิดจากการชนหรือการคว่ำ จากอุบัติเหตุที่ไม่เกิดจากการชนกับยานพาหนะทางบก

  1. จะไม่เรียกเก็บค่าเสียหายส่วนแรก 3,000 บาทนี้ หากอุบัติเหตุนั้นเกิดจากการชนกับย านพาหนะทางบก ทั้งที่เป็นฝ่ายถูกหรือผิด

เงื่อนไขการรับประกันภัยเพิ่มเติม

  1. ทุนประกันสูงสุดต้องไม่เกิน 80% ของราคารถ ณ วันที่ทำประกัน
  2. อัตราเบี้ยนี้สำหรับรถกระบะจดเก๋ง และกระบะบรทุก(ไม่เกิน 4 ตัน) ทุกยี่ห้อ แต่ไม่รวม แบบต่อเติมกระบะท้ายและท้ายกระบะต่อเติมโครงเหล็ก คอก หลังคา คู่แห้ง เป็นต้น

**สงวนสิทธิ์ไม่รับรถยนด์รับจ้าง รถให้เ เข่า รถแต่ง รกลัดแปลง รถขนส่ง หรือรับขนส่งสินค้าที่มีความเสี่ยงภัย สูงเข่น เชื้อเพลิง  กรด แก๊ส เป็นต้น

  1. การคุ้มครองอุปกรณ์ตกแต่งเพิ่มเติม (ไม่คุ้มครองสติ๊กเกอร์ และ อุปกรณ์ตกแต่งพิเศษ เช่น เคฟลาร์(cafla), ตู้ติดเครื่อง

ทำความเย็น เป็นดัน)

  • เบี้ยประกันที่กำหนด รวมถึงอุปกรณ์ตกแต่ง และติดตั้งแก๊สไม่เกิน 1 ถัง ในวงเงินรวมทั้งสิ้นไม่เกิน 20,000.- บาท

ณ วันที่แจ้งทำประกันภัย

  1. ฝ่ายรับประกันฯ ขอสงวนสิทธิ์ในการพิจารณาปรับเปลี่ยนเบี้ยประกันและกำหนตระยะเวลาการใช้ Campaign ตามความเหมาะสม
  2. เบี้ยประกันภัยนี้ ได้มีการคำนวณส่วนลดกล้อง CCTV ไว้เรียบร้อยแล้ว
สนใจสมัครประกันภัยรถยนต์ ชั้น 1

หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมสามารถโทรมาสอบถามรายละเอียดต่างๆ ได้ที่02 710 3100 หรือแอดไลน์ @masii ( มี @ ด้วยนะครับ ) เพื่อติดตามข่าวสารและบทความดีๆ ที่ มาสิบล็อก เกี่ยวกับ บัตรเครดิต บัตรเดบิต บัตรกดเงินสด สินเชื่อส่วนบุคคล สินเชื่อบ้านแลกเงิน สินเชื่อรถแลกเงิน และผลิตภัณฑ์ทางการเงินจากสถาบันการเงินชั้นนำทั่วประเทศ

อ่านบทความที่น่าสนใจเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ประกันภัยรถยนต์

_____________________________________________

Please become Masii Fan

Facebook: https://lnkd.in/gFFh8mh

Website: masii.co.th

Blog: https://masii.co.th/blog

Line: @masii

Tel: 02 710 3100 

Youtube: https://lnkd.in/gbQf9eh

Instagram: https://lnkd.in/ga4j5ri

Twitter: twitter.com/MasiiGroup

#สินเชื่อ #ประกัน#รถแลกเงิน #บ้านแลกเงิน #สินเชื่อส่วนบุคคล

#บัตรกดเงินสด #เงินด่วนทันใจ #สินเชื่อส่วนบุคคลออนไลน์

#กู้เงิน #เงินสด #เงินก้อน #เงินด่วน #เงินกู้ทันใจ #masii

#มาสิ #ครบง่ายสะดวก #เพื่อความสุขในชีวิตที่ดีกว่า

#ครบง่ายสะดวกเพื่อความสุขในชีวิตที่ดีกว่า #SimplifiedComparison