ใกล้วันหยุดยาวปีใหม่แล้ว เชื่อว่าหลายๆ คนวางแผนว่าจะไปเที่ยวต่างประเทศในช่วงนี้และเริ่มจองโรงแรม จองตั๋วเพื่อไปเที่ยวกันบ้างแล้ว หากพูดถึงไปเที่ยวต่างประเทศ ปัญหาโลกแตกที่ต้องเจอบ่อยๆ ก็คงไม่พ้นปัญหา ควรแลกเงินไป หรือ จะรูด บัตรเครดิต ที่โน่นดี? หลากหลายเหตุผลต่างๆ นานา เช่น จะรูดบัตรก็กลัวโดนชาร์จแพง แต่จะให้พกเงินสดไปเป็นหมื่นๆ ก็กลัวหาย
วันนี้ มาสิ มีข้อดีข้อเสียของพกเงินสดและรูดบัตรเครดิตมาฝากกัน เพื่อจะช่วยให้เพื่อนๆตัดสินใจได้ง่ายขึ้น ว่าแล้ว!! เราก็มาดูข้อดีข้อเสียของแต่ละแบบกันเลย
ตัวเลือกที่ 1 เงินสด
ข้อดี
- ไม่โดนชาร์จค่าธรรมเนียมความเสี่ยงจากการแปลงสกุลเงินต่างประเทศ
- ใช้ได้กับร้านค้าท้องถิ่น เพราะบางร้านค้า ไม่รับบัตรเครดิต
ข้อเสีย
- เสี่ยงหาย หรือ ถูกขโมย
- พกลำบากหากนำไปเยอะๆ
- บางสถานที่เราไปอาจจะไม่มีที่แลกเงิน
ตัวเลือกที่ 2 บัตรเครดิต
ข้อดี
- พกพาง่าย
- สะสมแต้มในบัตรได้
- หายแล้วแจ้งอายัดได้
- รับส่วนลดค่าโรงแรม หรือ ร้านค้าใน Duty Free ได้
ข้อเสีย
- เสี่ยงโดนแฮกข้อมูล (ในส่วนนี้ระบบป้องกันของธนาคารแต่ละเจ้า จะคอยดูแลให้เราอยู่แล้ว)
- โดนชาร์จค่าธรรมเนียมแพง โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 2.5%
คำแนะนำจากมาสิ :
1.ควรพกไปทั้ง 2 อย่างทั้งบัตรเครดิตและเงินสด
มาสิแนะนำให้นำทั้ง 2 อย่างติดตัวไป โดยให้แลกเงินสดติดตัวไว้จำนวนนึงที่เพียงพอสำหรับไว้เป็นค่าโดยสาร ซื้อของจุกจิก รวมถึงกรณีฉุกเฉินที่จำเป็นต้องใช้เงินสด และมาสิแนะนำว่าไม่ควรพกไปเยอะ เพราะในบางประเทศโดยเฉพาะโซนยุโรป เช่น ฝรั่งเศส และ อิตาลี มีมิจฉาชีพค่อนข้างเยอะ
ส่วนบัตรเครดิตให้เก็บไว้ซื้อของในห้างสรรพสินค้าหรือของที่ราคาค่อนข้างสูง ซึ่งอาจจะดูเหมือนจ่ายแพงกว่าจ่ายด้วยเงินสด แต่ในเรื่องของความปลอดภัยนั้น บัตรเครดิตถือว่าเป็นตัวเลือกที่ดีกว่าครับ
2.เลือกบัตรเครดิที่มีโปรโมชั่นสะสมคะแนน หรือ ชาร์จค่าธรรมเนียมการรูดบัตรที่ต่างประเทศต่ำ
ลองหาบัตรเครดิตที่มีโปรแกรมสะสมไมล์ สะสมแต้ม หรือ ชาร์จค่าธรรมเนียมการใช้จ่ายที่ต่างประเทศต่ำ จะช่วยตอบโจทย์ในการใช้งานที่ต่างประเทศของเรามากขึ้น ซึ่งบัตรเครดิตที่มาสิขอยกตัวอย่างมาให้ดูคือ บัตรเครดิตของ CIMB Visa Platinum ซึ่งมีข้อดีคือ บัตรนี้จะคิดค่าธรรมเนียมการรูดบัตรแค่ 1% (จากปกติจะอยู่ที่ 2.5%) ซึ่งตอบโจทย์คนที่ชอบไปเที่ยวและรูดบัตรเครดิตที่ต่างประเทศบ่อยๆ เพราะฟังดูเหมือนน้อย แต่หากเราลองมาคำนวณดีๆ ก็อาจจะเป็นจำนวนเงินที่ไม่น้อยเลยทีเดียว
ยกตัวอย่าง สมมุติว่า เราไปช็อปปิ้งซื้อกระเป๋าแบรนด์เนมที่ฝรั่งเศส ราคา 100,000 บาท และรูดบัตรเครดิตไป โดยคิดเรทปกติซึ่งค่าธรรมเนียมในการชาร์จจะอยู่ที่ 2.5%**
จะเห็นว่าค่าธรรมเนียมต่างกันแค่นิดเดียว แต่เงินเพิ่มไปสูงถึง 60% เลยทีเดียว ซึ่งไม่ใช่น้อยๆเลยนะครับ หากว่าเราไม่อยากเสียเงินค่าธรรมเนียมแพงๆแบบนี้ มาสิแนะนำลองหาบัตรเครดิตแบบ CIMB มาใช้ดู จะช่วยประหยัดเงินได้เยอะครับ และสุดท้ายนี้หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์สำหรับเพื่อนๆ ที่จะไปเที่ยวต่างประเทศนะครับ เพื่อนๆ สามารถนำไปปรับใช้ได้ตามความเหมาะสมกันเลย
สำหรับท่านที่กำลังมองหาบัตรเครดิตดีๆสักใบ สามารถหาข้อมูลและเปรียบเทียบได้ฟรีที่ masii.com