มาสิพาส่อง! มาตรการ Easy E-Receipt ปี 67 ลดหย่อนภาษีสูงสุด 50,000 มีเงื่อนไขยังไงบ้าง?…พร้อมแนะนำ สินเชื่อส่วนบุคคล ซิตี้ ชีวิตดีดี เริ่มที่นี่

เรียกได้ว่าเวียนมาบรรจบกันอีกครั้งกับเทศกาลยื่นภาษีประจำปีสำหรับผู้ที่มีรายได้ ซึ่งถือเป็นเรื่องสำคัญที่ทุกคนต้องทำ การคำนวณภาษีที่ต้องชำระจะขึ้นอยู่กับอัตรารายได้ที่ได้รับในแต่ละปี แต่ในขณะเดียวกัน เราก็สามารถนำค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่เกิดขึ้นตลอดทั้งปีมาช่วยลดหย่อนภาษีได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงต้นปีนี้ ที่มีมาตรการจากภาครัฐอย่าง Easy E-Receipt ที่ช่วยส่งเสริมให้เราจับจ่ายใช้สอยได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งช่วยลดภาระภาษีของเรา โดยในปีนี้ เพิ่มวงเงินลดหย่อนภาษีสูงสุดถึง 50,000 บาท ซึ่งจะมีเงื่อนไขอย่างไรบ้างและสามารถใช้ได้อย่างไรบ้าง มาสิ มีคำตอบให้คุณในบทความนี้ นอกจากนี้ สินเชื่อส่วนบุคคล ก็เป็นอีกหนึ่งเครื่องมือที่ช่วยให้คุณสามารถจัดการการเงินได้ดีขึ้น ซึ่งบางกรณีก็สามารถใช้สำหรับการซื้อสินค้าหรือบริการที่เกี่ยวข้องกับการลดหย่อนภาษีได้เช่นกัน หากใช้สินเชื่อในทางที่เป็นประโยชน์และตรงตามเงื่อนไขที่กำหนด รวมถึงการเลือกสินเชื่อที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำและเงื่อนไขยืดหยุ่น จะช่วยให้คุณสามารถจัดการภาระทางการเงินได้ดีขึ้น พร้อมทั้งใช้ประโยชน์จากการลดหย่อนภาษีในปีนี้ได้อย่างเต็มที่ รายละเอียดจะเป็นอย่างไรไปดู… 

ขอขอบคุณ : กรมสรรพากร,E-Filing , ปันโปร และ Thairat Money

สนใจสมัคร สินเชื่อส่วนบุคคล คลิก!

มาสิพาส่อง! มาตรการ Easy E-Receipt ปี 67 ลดหย่อนภาษีสูงสุด 50,000 มีเงื่อนไขยังไงบ้าง?…พร้อมแนะนำ สินเชื่อส่วนบุคคล ซิตี้ ชีวิตดีดี เริ่มที่นี่

สินเชื่อส่วนบุคคล และการจัดการภาษี 

การใช้ สินเชื่อส่วนบุคคล เป็นหนึ่งในทางเลือกที่ช่วยให้คุณสามารถบริหารจัดการการเงินในชีวิตประจำวันได้ดีขึ้น โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่ต้องการเงินด่วนหรือเพื่อซื้อสินค้าหรือบริการที่จำเป็น เช่น การซื้อของใช้ในบ้าน การลงทุนในธุรกิจเล็กๆ หรือแม้แต่การจ่ายค่าบริการที่สามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้ การสมัครสินเชื่อส่วนบุคคลจะช่วยให้คุณมีความคล่องตัวในการใช้จ่ายและช่วยแบ่งเบาภาระทางการเงินได้ในระยะยาว

สินเชื่อส่วนบุคคล ยังสามารถนำมาช่วยในการจัดการภาษีได้ เนื่องจากบางสินเชื่อสามารถนำมาเป็นค่าใช้จ่ายในการหักลดหย่อนภาษีได้ หากการใช้สินเชื่อนั้นเกี่ยวข้องกับการซื้อสินค้าหรือบริการที่สามารถนำไปใช้ในธุรกิจส่วนตัว หรือใช้เพื่อการลงทุนที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาอาชีพของคุณ เช่น การซื้อเครื่องมือหรืออุปกรณ์ที่ใช้ในการทำงาน หรือการใช้สินเชื่อเพื่อการศึกษาหรือพัฒนาทักษะใหม่ๆ ซึ่งทั้งหมดนี้สามารถนำมาหักลดหย่อนภาษีได้ตามข้อกำหนดของกรมสรรพากร

เมื่อคุณใช้สินเชื่อส่วนบุคคลในการซื้อสินค้าหรือบริการที่สามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้ตาม มาตรการ Easy E-Receipt สิ่งที่ต้องทำคือการเก็บรักษาใบเสร็จอิเล็กทรอนิกส์จากการซื้อสินค้าในปี 2567 และนำมาใช้เพื่อหักลดหย่อนภาษีในปีเดียวกัน การยื่นขอลดหย่อนภาษีโดยใช้ Easy E-Receipt จะต้องผ่านการลงทะเบียนและตรวจสอบข้อมูลผ่านระบบออนไลน์ของกรมสรรพากร ซึ่งจะช่วยให้คุณสามารถยืนยันการใช้สิทธิ์นี้ได้อย่างถูกต้องและโปร่งใส

อีกทั้งการใช้ สินเชื่อส่วนบุคคล ที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำและเงื่อนไขที่ยืดหยุ่นสามารถช่วยให้คุณจัดการภาระการชำระเงินในแต่ละเดือนได้ดีขึ้น โดยเฉพาะในช่วงเวลาสิ้นปีที่เป็นช่วงเวลาที่การซื้อสินค้าหรือการใช้จ่ายมักจะมากขึ้น การเลือกสินเชื่อที่เหมาะสมและใช้จ่ายอย่างมีระเบียบ จะช่วยให้คุณสามารถชำระเงินได้ในระยะยาว โดยไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับการจ่ายภาษีที่สูงจนเกินไป 

การบริหารจัดการสินเชื่อส่วนบุคคลควรทำอย่างระมัดระวัง โดยการพิจารณาเงื่อนไขของสินเชื่อ เช่น อัตราดอกเบี้ย ระยะเวลาการผ่อนชำระ และยอดผ่อนชำระรายเดือน เพื่อไม่ให้เกิดภาระหนี้ที่สูงเกินไปในระยะยาว และยังสามารถใช้สิทธิ์ลดหย่อนภาษีตามมาตรการ Easy E-Receipt ได้อย่างมีประสิทธิภาพ 

ด้วยการใช้สินเชื่อส่วนบุคคลและการเลือกซื้อสินค้าหรือบริการที่สามารถหักลดหย่อนภาษีได้ คุณจะสามารถทำให้การเงินของคุณมีความคล่องตัว และยังช่วยให้คุณประหยัดภาษีได้ในปีนี้ พร้อมทั้งทำให้การเงินของคุณเติบโตได้อย่างยั่งยืนในอนาคต 

Easy E-Receipt คืออะไร ?

Easy E-Receipt คือ อีกหนึ่งมาตรการใหม่ที่ภาครัฐออกมาทดแทนมาตรการ ช้อปดีมีคืน จากของปีก่อน โดยวัตถุประสงค์มีมาเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจที่ให้ผู้เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา สามารถนำค่าใช้จ่ายการซื้อสินค้าและบริการตามที่จ่ายจริง ที่ไม่เกิน 50,000.- และออกเป็นใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ e-Tax Invoice หรือ e-Receipt เท่านั้น มาใช้หัก ลดหย่อนภาษี โดย e-Tax Invoice หรือ e-Receipt ก็คือ ใบกำกับภาษีและใบเสร็จรับเงินในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ซึ่งกรมสรรพากรสามารถเช็ครายรับรวมไปถึงรายจ่ายหรือการเงินต่าง ๆ ของแต่ละร้านค้า แต่ละเจ้าได้สะดวกและง่ายขึ้น