มาสิสายมู! ตามรอย พระเบญจภาคี ต้นกำเนิดพระดียอดปรารถนาของเหล่าเซียนพระ

พระเบญจภาคี
มาสิสายมู! ตามรอย พระเบญจภาคี ต้นกำเนิดพระดียอดปรารถนาของเหล่าเซียนพระ
สมัครรถแลกเงินโปรโมชั่น แจกฟรี Voucher Lazada

“ พระเบญจภาคี ” หรือ พระเครื่อง 5 องค์ อันได้แก่ “ พระสมเด็จวัดระฆัง ” “ พระรอด ” “ พระนางพญา ” “ พระผงสุพรรณ ” และ “ พระซุ้มกอ ” ซึ่งนับว่าเป็นพระเครื่องเก่าแก่ และเชื่อกันว่ามีพุทธคุณสูง จะปกป้องคุ้มภัยแก่ผู้ครอบครองให้รอดพ้นจากภัยอันตรายทั้งหลาย รวมไปถึงด้านเมตตามหานิยมอีกด้วย มาชื่นชมกันครับ …

ตามรอย พระเบญจภาคี ต้นกำเนิดพระดียอดปรารถนาของเหล่าเซียนพระ

พระเบญจภาคี
พระเบญจภาคี ยุค 2 Cr. ร้าน บ้านคงคา | Taradpra.com

พระเบญจภาคี คือ พระเครื่อง 5 ชนิด คือ พระสมเด็จพุฒาจารย์(โต) หรือ พระสมเด็จฯ พระนางพญา พระรอด พระกำแพงทุ่งเศรษฐี หรือ พระซุ้มกอ และ พระผงสุพรรณ ที่ถือว่าเป็นสุดยอดและล้ำค่าเป็นอย่างมากของพระเครื่อง ด้วยเหตุผลที่กล่าวว่าสุดยอด ในบรรดาพระเครื่องด้วยกันก็เพราะว่า เป็นพระเครื่องที่มีอายุ เก่าแก่มากกว่าหลายร้อยปี พิมพ์นิยมสวยงาม ที่สำคัญที่สุดคือ ทุกคนเชื่อถือในความศักด์สิทธิ์ทางด้านพุทธคุณ เป็นอย่างมาก ทำให้เป็นที่ต้องการของนักสะสมพระเครื่อง จนทำให้มีราคาสูงมากๆ

พระเครื่องที่กล่าวมานี้รวมเรียกว่า ” องค์เบญจภาคีแห่งพระเครื่อง ” โดยที่มี

พระสมเด็จพระพุฒาจารย์ เป็นองค์ประธาน ทรงคุณวิเศษทางมหานิยมและมหิทฤทธิ์ สร้างในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์
พระนางพญา เป็นองค์ประกอบภาคขวาอันดับแรก ทรงคุณวิเศษคล้ายกับพระสมเด็จฯ แต่หนักไปในทาง มหิทฤทธิ์ มากกว่าพระสมเด็จฯ เล็กน้อย สร้างในสมัยกรุงศรีอยุธยา
พระรอด เป็นองค์ประกอบภาคซ้ายอันดับแรก ทรงคุณวิเศษทางมหิทฤทธิ์ แคล้วคลาด และมหานิยม สร้างในสมัยศรีวิชัย
พระกำแพงทุ่งเศรษฐี หรือ พระซุ้มกอ เป็นองค์ประกอบภาคขวาอันดับรอง ทรงคุณวิเศษทางเกื้อกูล ลาภยศเงินทอง คงกระพัน และมหานิยมสร้างในสมัยสุโขทัย
พระผงสุพรรณ เป็นองค์ประกอบภาคซ้ายอันดับสอง ทรงคุณวิเศษทางหลักทรัพย์ เป็นสื่อทางโชคลาภ และหนักไปทางคงกระพันแคล้วคลาด มากกว่าพระกำแพงทุ่งเศรษฐี สร้างในสมัยอู่ทอง
สำหรับ พระสมเด็จพุฒาจารย์ พระนางพญา และพระรอดนั้น ได้รับการยกย่องว่าเป็น “องค์ไตรภาคีแห่งพระเครื่อง” โดยมีพระสมเด็จพุฒาจารย์ เป็นองค์ประธานเช่นเดียวกันกับ องค์เบญจภาคีแห่งพระเครื่อง

กำเนิด พระเบญจภาคี

การจัดชุดของพระเบญจภาคี เริ่มมีขึ้นเมื่อประมาณปี พ.ศ. 2490 ซึ่งในขณะนั้นสถานที่พบปะของผู้นิยมสะสมพระเครื่องจะอยู่ที่บริเวณข้างศาลแพ่ง โดยมีร้านขายกาแฟของมหาผันซึ่งนักนิยมพระเครื่องทั้งหลายมักเรียกกันว่า “บาร์มหาผัน” เป็นจุดนัดพบปะของผู้นิยมสะสมพระเครื่อง ท่านอาจารย์ตรียัมปวาย หรือ พ.อ.ผจญ กิตติประวัติ, น.ท.สันทัด แห่งกองทัพอากาศ หรือ ผู้กองสันทัด (ผู้จัดพระชุดมังกรดำ) และเพื่อนอีกสองสามคนมักจะมาพบปะกันอยู่เสมอ มีอยู่ครั้งหนึ่งมีการคิดจะจัดชุดห้อยพระกัน ท่านอาจารย์ตรีฯ ท่านคิดจะจัดชุดพระที่มีความสำคัญ ซึ่งเป็นพระยอดนิยมจึงสนทนาปรึกษากันว่าจะห้อยพระอะไรบ้างจึงจะเหมาะสมสวยงาม

พระเบญจภาคี
พระเบญจภาคี Cr. https://www.youtube.com/watch?v=FYHO–bM6aI

เริ่มจาก พระไตรภาคี

เริ่มจากการเลือกพระสมเด็จฯ วัดระฆังเป็นองค์ประธาน เนื่องจากมีผู้เคารพศรัทธาในเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) เป็นอย่างมาก อีกทั้งพุทธคุณนั้นก็ครอบจักรวาล ด้วยพระคาถาที่ปลุกเสก คือ ชินบัญชรคาถา นอกจากนั้น พระสมเด็จฯ มีรูปทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า และมีขนาดพอสมควรจึงเหมาะที่จะนำมาไว้เป็นพระองค์กลาง จากนั้น ก็หาว่าจะนำพระอะไรมาห้อยเป็นองค์ต่อไปซ้าย-ขวา จุดประสงค์หลัก คือ ต้องเป็นพระเก่าที่มีความนิยม จึงปรึกษากันจนได้ข้อสรุปว่าน่าจะเป็น พระนางพญาพิษณุโลกพิมพ์เข่าโค้ง ซึ่งสร้างโดยพระวิสุทธิกษัตรีย์ พระมเหสีของพระมหาธรรมราชา และ พระราชชนนีของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช และสมเด็จพระเอกาทศรถ จึงนำพระนางพญามาสถิตย์อยู่เบื้องขวาของสร้อย องค์ต่อมาก็มีความเห็นในครั้งแรกว่า ควรจะเป็นพระรอดพิมพ์ใหญ่ กรุวัดมหาวัน ลำพูน ซึ่งเป็นพระเก่าแก่มาแต่โบราณ ตามตำนานว่าเป็นพระที่สร้างในสมัยพระนางจามเทวี เจ้าผู้ครองเมืององค์แรกของนครหริภุญชัย พุทธคุณนั้นก็เปี่ยมล้นไปด้วยนิรันตรายแคล้วคลาดปลอดภัย สถิตย์อยู่เบื้องซ้ายของสร้อย ในครั้งแรกนั้นก็จัดชุดได้ 3 องค์ จึงเรียกกันว่า พระชุดไตรภาคี โดยมีพระสมเด็จวัดระฆังฯพิมพ์พระประธาน(พิมพ์ใหญ่) อยู่ตรงกลางเป็นองค์ประธาน พระนางพญา กรุวัดนางพญา พิมพ์เข่าโค้งอยู่เบื้องขวา เป็นองค์ต่อมา และพระรอด พิมพ์ใหญ่ กรุวัดมหาวันอยู่เบื้องซ้าย ตามลำดับ

กลายมาเป็น พระเบญจภาคี

หลังจากนั้นต่อมาซักระยะหนึ่ง จึงเห็นว่าขนาดพระของพระนางพญา พิมพ์เข่าโค้ง กับพระรอดที่ห้อยคู่กันนั้น ขนาดไม่เท่ากัน องค์หนึ่งใหญ่กว่าอีกองค์หนึ่ง ไม่ค่อยสมดุลเท่าไรนัก จึงคิดจะจัดชุดให้เป็น 5 องค์จะได้เป็นพระชุดใหญ่เต็มสร้อยพอดี (ส่วนมากสายสร้อยที่เขาห้อยคอนั้น มักจะมีห่วงห้อยพระได้ 5 องค์) จึงมานั่งคิดกันต่อว่า จะหาพระอะไรดีหนอจึงจะเหมาะสมกับพระทั้ง 3 องค์ที่จัดไว้แล้ว ก็มานึกถึงพระกรุทุ่งเศรษฐี พระเม็ดขนุน ซึ่งเป็นพระที่อุดมด้วยโภคทรัพย์และเป็นที่นิยมมากในสมัยนั้น สร้างในสมัยพระมหาธรรมราชลิไท มาจัดห้อยคู่กับพระนางพญาแทน แต่ต่อมาผู้กองสันทัดท่านก็ให้ความเห็นว่า พระเม็ดขนุนเป็นพระปางลีลา พระที่จัดชุดไว้แล้วเป็นพระปางประทับนั่งทั้งสิ้นมองดูคงจะไม่เข้ากันนัก อีกด้วยรูปทรงของพระเม็ดขนุนซึ่งเป็นรูปทรงรีๆ ยาวๆ น่าจะหาพระปางประทับนั่งเช่นเดียวกัน จึงเปลี่ยนอีกทีโดยนำพระกำแพงซุ้มกอ ซึ่งเป็นพระของกรุทุ่งเศรษฐีเช่นกัน ยุคสมัยเดียวกันมาจัดห้อยคู่กับพระนางพญา ก็ได้สมดุลทั้งขนาด รูปทรง และความเหมาะสม ทีนี้เป็นภาระในองค์สุดท้ายที่ต้องหามาให้เหมาะสมและสมดุลมีขนาดใกล้เคียง กับพระรอดซึ่งมีขนาดย่อม และอยู่ถัดขึ้นไปด้านบนของสร้อยจากพระทั้งสามองค์ ก็นึกกันขึ้นมาได้และเป็นข้อยุติคือ ใช้พระผงสุพรรณพิมพ์หน้าแก่ ซึ่งพบที่กรุวัดพระศรีมหาธาตุ สุพรรณบุรี ซึ่งจารึกลานทองระบุว่าพระมหาปิยะทัตสะสี ศรีสารีบุตรเป็นประธานในการสร้างบรรจุไว้ ซึ่งเพียบพร้อมทั้งด้านพุทธคุณตามที่ในลานทองระบุไว้ และเป็นที่นิยมกันมาก ในกลุ่มผู้ใหญ่ที่ท่านสนทนากันในสมัยนั้น ก็เห็นว่าเหมาะสมและสมดุลกันอย่างเหมาะเจาะลงตัว จึงได้มาเป็นพระชุดเบญจภาคีขึ้นในครั้งแรก และผู้นิยมสะสมพระเครื่องต่างก็ยอมรับและชื่นชมในความสามารถที่จัดชุดพระยอด นิยมได้อย่างลงตัวที่สุด

กล่าวโดยสรุปว่า พระเบญจภาคี ประกอบด้วย

  • พระสมเด็จฯ วัดระฆัง (พระประธาน) ซึ่งพุทธคุณครอบจักรวาล เป็นองค์แทนพระเครื่องที่สร้างในสมัยรัตนโกสินทร์
  • พระนางพญา พุทธคุณเด่นทางเมตตามหานิยมอยู่ยงคงกระพันชาตรี เป็นองค์แทนพระเครื่องที่สร้างในสมัยอยุธยา
  • พระกำแพงซุ้มกอ พุทธคุณเด่นทางด้านโชคลาภ โภคทรัพย์ เป็นองค์แทนพระเครื่องที่สร้างในสมัยสุโขทัย
  • พระรอด พุทธคุณเด่นทางด้านแคล้วคลาดนิรันตราย เป็นองค์แทนพระเครื่องที่สร้างในสมัยทราวดีตอนปลาย (หริภุญชัย)
  • พระผงสุพรรณ นั้นพุทธคุณเด่นทางด้านโภคทรัพย์ แคล้วคลาด อยู่ยง เป็นองค์แทนพระเครื่องที่สร้างในสมัยอู่ทอง
    จะเห็นว่าเป็นอัจฉริยะภาพของการจัดชุดพระเบญจภาคี อย่างลงตัว และมีความหมายทั้งทางพุทธคุณ พุทธศิลป์ และยุคสมัย จึงเป็นความนิยมสืบต่อมาจนทุกวันนี้

และนี่คือ พระเบญจภาคี มหามงคล ที่ยังคงเป็นที่กล่าวขานของคนทั้งประเทศ นอกจากจะเข้มขลังด้วยพุทธคุณจากรุ่นสู่รุ่น ยังเต็มไปด้วยความงดงามทั้งศาสตร์และศิลป์ ไม่ว่าจะเป็นกรรมวิธีการสร้าง ความเคารพรักในครูบาอาจารย์ และสิ่งเหล่านี้นี่เองที่เป็นเสน่ห์กลิ่นอายความเชื่อของเครื่องรางไทยครับ

พระเบญจภาคี
พระเบญจภาคี Cr. https://www.blockdit.com/pages/5ecf21069c832b0ca8172781

……………………………………….

ท่ามกลางเศรษฐกิจฝืดเคืองทั่วโลกเช่นนี้ ในบางครั้งบางวัน หากคุณเงินขาดมือ ขาดสภาพคล่อง มาสิ ก็ขอแนะนำ https://masii.co.th/thai/loan เว็บไซต์ที่เชี่ยวชาญด้านการเงินและเทคโนโลยี ที่ให้บริการข้อมูลในด้านของการ เปรียบเทียบผลิตภัณฑ์ทางการเงิน และ  ประกันภัย ต่างๆ ให้กับคนไทย โดยมีผู้ใช้บริการมากกว่า 10 ล้านคนจากทั่วประเทศ ซึ่งเว็บไซต์ของเรามีความเชื่อถือได้ และช่วยให้คุณและครอบครัวตัดสินใจทางการเงินได้ง่ายและมีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมถึงสร้างทางเลือกสู่อิสรภาพทางด้านการเงินให้กับคุณ

สนใจสมัคร สินเชื่อส่วนบุคคล

เปรียบเทียบสินเชื่อส่วนบุคคล

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม

หากใครมีข้อสงสัยเพิ่มเติม โทรมาสอบถามรายละเอียดต่างๆ ได้ที่ 02 710 3100 หรือ แอดไลน์มาเป็นเพื่อนกับเราที่ @masii (มี @ ด้วยนะครับ) เพื่อติดตามข่าวสารและบทความดีๆ ที่ มาสิบล็อก เกี่ยวกับ ประกันรถยนต์ ประกันมอเตอร์ไซค์ ประกันภัยโดร ประกันเดินทาง ประกันสุขภาพ รวมถึง สินเชื่อส่วนบุคคล บัตรกดเงินสด และ บัตรเครดิต จากสถาบันการเงินชั้นนำ

อ่านบทความที่น่าสนใจเพิ่มเติม

_____________________________________________

Please become Masii Fan

Facebook: https://lnkd.in/gFFh8mh
Website: www.masii.co.th
Blog: https://masii.co.th/blog
Line: @masii
Tel: 02 710 3100
Youtube: https://lnkd.in/gbQf9eh
Instagram: https://lnkd.in/ga4j5ri
Twitter: twitter.com/MasiiGroup
#บัตรเครดิต #สมัครบัตรเครดิตออนไลน์
#ทำบัตรเครดิต #บัตรเครดิตใบแรก
#สินเชื่อส่วนบุคคล #บัตรกดเงินสด #เงินด่วนทันใจ
#สินเชื่อส่วนบุคคลออนไลน์ #กู้เงิน #เงินสด #เงินก้อน
#เงินด่วน #เงินกู้ทันใจ#masii #มาสิ #ครบง่ายสะดวก
#เพื่อความสุขในชีวิตที่ดีกว่า#ครบง่ายสะดวกเพื่อความสุขในชีวิตที่ดีกว่า
#SimplifiedComparison

banner-blog-masii PL