“ พระเบญจภาคี ” หรือ พระเครื่อง 5 องค์ อันได้แก่ “ พระสมเด็จวัดระฆัง ” “ พระรอด ” “ พระนางพญา ” “ พระผงสุพรรณ ” และ “ พระซุ้มกอ ” ซึ่งนับว่าเป็นพระเครื่องเก่าแก่ และเชื่อกันว่ามีพุทธคุณสูง จะปกป้องคุ้มภัยแก่ผู้ครอบครองให้รอดพ้นจากภัยอันตรายทั้งหลาย รวมไปถึงด้านเมตตามหานิยมอีกด้วย มาชื่นชมกันครับ …
ตามรอย พระเบญจภาคี ต้นกำเนิดพระดียอดปรารถนาของเหล่าเซียนพระ
พระเบญจภาคี คือ พระเครื่อง 5 ชนิด คือ พระสมเด็จพุฒาจารย์(โต) หรือ พระสมเด็จฯ พระนางพญา พระรอด พระกำแพงทุ่งเศรษฐี หรือ พระซุ้มกอ และ พระผงสุพรรณ ที่ถือว่าเป็นสุดยอดและล้ำค่าเป็นอย่างมากของพระเครื่อง ด้วยเหตุผลที่กล่าวว่าสุดยอด ในบรรดาพระเครื่องด้วยกันก็เพราะว่า เป็นพระเครื่องที่มีอายุ เก่าแก่มากกว่าหลายร้อยปี พิมพ์นิยมสวยงาม ที่สำคัญที่สุดคือ ทุกคนเชื่อถือในความศักด์สิทธิ์ทางด้านพุทธคุณ เป็นอย่างมาก ทำให้เป็นที่ต้องการของนักสะสมพระเครื่อง จนทำให้มีราคาสูงมากๆ
พระเครื่องที่กล่าวมานี้รวมเรียกว่า ” องค์เบญจภาคีแห่งพระเครื่อง ” โดยที่มี
• พระสมเด็จพระพุฒาจารย์ เป็นองค์ประธาน ทรงคุณวิเศษทางมหานิยมและมหิทฤทธิ์ สร้างในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์
• พระนางพญา เป็นองค์ประกอบภาคขวาอันดับแรก ทรงคุณวิเศษคล้ายกับพระสมเด็จฯ แต่หนักไปในทาง มหิทฤทธิ์ มากกว่าพระสมเด็จฯ เล็กน้อย สร้างในสมัยกรุงศรีอยุธยา
• พระรอด เป็นองค์ประกอบภาคซ้ายอันดับแรก ทรงคุณวิเศษทางมหิทฤทธิ์ แคล้วคลาด และมหานิยม สร้างในสมัยศรีวิชัย
• พระกำแพงทุ่งเศรษฐี หรือ พระซุ้มกอ เป็นองค์ประกอบภาคขวาอันดับรอง ทรงคุณวิเศษทางเกื้อกูล ลาภยศเงินทอง คงกระพัน และมหานิยมสร้างในสมัยสุโขทัย
• พระผงสุพรรณ เป็นองค์ประกอบภาคซ้ายอันดับสอง ทรงคุณวิเศษทางหลักทรัพย์ เป็นสื่อทางโชคลาภ และหนักไปทางคงกระพันแคล้วคลาด มากกว่าพระกำแพงทุ่งเศรษฐี สร้างในสมัยอู่ทอง
สำหรับ พระสมเด็จพุฒาจารย์ พระนางพญา และพระรอดนั้น ได้รับการยกย่องว่าเป็น “องค์ไตรภาคีแห่งพระเครื่อง” โดยมีพระสมเด็จพุฒาจารย์ เป็นองค์ประธานเช่นเดียวกันกับ องค์เบญจภาคีแห่งพระเครื่อง
กำเนิด พระเบญจภาคี
การจัดชุดของพระเบญจภาคี เริ่มมีขึ้นเมื่อประมาณปี พ.ศ. 2490 ซึ่งในขณะนั้นสถานที่พบปะของผู้นิยมสะสมพระเครื่องจะอยู่ที่บริเวณข้างศาลแพ่ง โดยมีร้านขายกาแฟของมหาผันซึ่งนักนิยมพระเครื่องทั้งหลายมักเรียกกันว่า “บาร์มหาผัน” เป็นจุดนัดพบปะของผู้นิยมสะสมพระเครื่อง ท่านอาจารย์ตรียัมปวาย หรือ พ.อ.ผจญ กิตติประวัติ, น.ท.สันทัด แห่งกองทัพอากาศ หรือ ผู้กองสันทัด (ผู้จัดพระชุดมังกรดำ) และเพื่อนอีกสองสามคนมักจะมาพบปะกันอยู่เสมอ มีอยู่ครั้งหนึ่งมีการคิดจะจัดชุดห้อยพระกัน ท่านอาจารย์ตรีฯ ท่านคิดจะจัดชุดพระที่มีความสำคัญ ซึ่งเป็นพระยอดนิยมจึงสนทนาปรึกษากันว่าจะห้อยพระอะไรบ้างจึงจะเหมาะสมสวยงาม
เริ่มจาก พระไตรภาคี
เริ่มจากการเลือกพระสมเด็จฯ วัดระฆังเป็นองค์ประธาน เนื่องจากมีผู้เคารพศรัทธาในเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) เป็นอย่างมาก อีกทั้งพุทธคุณนั้นก็ครอบจักรวาล ด้วยพระคาถาที่ปลุกเสก คือ ชินบัญชรคาถา นอกจากนั้น พระสมเด็จฯ มีรูปทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า และมีขนาดพอสมควรจึงเหมาะที่จะนำมาไว้เป็นพระองค์กลาง จากนั้น ก็หาว่าจะนำพระอะไรมาห้อยเป็นองค์ต่อไปซ้าย-ขวา จุดประสงค์หลัก คือ ต้องเป็นพระเก่าที่มีความนิยม จึงปรึกษากันจนได้ข้อสรุปว่าน่าจะเป็น พระนางพญาพิษณุโลกพิมพ์เข่าโค้ง ซึ่งสร้างโดยพระวิสุทธิกษัตรีย์ พระมเหสีของพระมหาธรรมราชา และ พระราชชนนีของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช และสมเด็จพระเอกาทศรถ จึงนำพระนางพญามาสถิตย์อยู่เบื้องขวาของสร้อย องค์ต่อมาก็มีความเห็นในครั้งแรกว่า ควรจะเป็นพระรอดพิมพ์ใหญ่ กรุวัดมหาวัน ลำพูน ซึ่งเป็นพระเก่าแก่มาแต่โบราณ ตามตำนานว่าเป็นพระที่สร้างในสมัยพระนางจามเทวี เจ้าผู้ครองเมืององค์แรกของนครหริภุญชัย พุทธคุณนั้นก็เปี่ยมล้นไปด้วยนิรันตรายแคล้วคลาดปลอดภัย สถิตย์อยู่เบื้องซ้ายของสร้อย ในครั้งแรกนั้นก็จัดชุดได้ 3 องค์ จึงเรียกกันว่า พระชุดไตรภาคี โดยมีพระสมเด็จวัดระฆังฯพิมพ์พระประธาน(พิมพ์ใหญ่) อยู่ตรงกลางเป็นองค์ประธาน พระนางพญา กรุวัดนางพญา พิมพ์เข่าโค้งอยู่เบื้องขวา เป็นองค์ต่อมา และพระรอด พิมพ์ใหญ่ กรุวัดมหาวันอยู่เบื้องซ้าย ตามลำดับ
กลายมาเป็น พระเบญจภาคี
หลังจากนั้นต่อมาซักระยะหนึ่ง จึงเห็นว่าขนาดพระของพระนางพญา พิมพ์เข่าโค้ง กับพระรอดที่ห้อยคู่กันนั้น ขนาดไม่เท่ากัน องค์หนึ่งใหญ่กว่าอีกองค์หนึ่ง ไม่ค่อยสมดุลเท่าไรนัก จึงคิดจะจัดชุดให้เป็น 5 องค์จะได้เป็นพระชุดใหญ่เต็มสร้อยพอดี (ส่วนมากสายสร้อยที่เขาห้อยคอนั้น มักจะมีห่วงห้อยพระได้ 5 องค์) จึงมานั่งคิดกันต่อว่า จะหาพระอะไรดีหนอจึงจะเหมาะสมกับพระทั้ง 3 องค์ที่จัดไว้แล้ว ก็มานึกถึงพระกรุทุ่งเศรษฐี พระเม็ดขนุน ซึ่งเป็นพระที่อุดมด้วยโภคทรัพย์และเป็นที่นิยมมากในสมัยนั้น สร้างในสมัยพระมหาธรรมราชลิไท มาจัดห้อยคู่กับพระนางพญาแทน แต่ต่อมาผู้กองสันทัดท่านก็ให้ความเห็นว่า พระเม็ดขนุนเป็นพระปางลีลา พระที่จัดชุดไว้แล้วเป็นพระปางประทับนั่งทั้งสิ้นมองดูคงจะไม่เข้ากันนัก อีกด้วยรูปทรงของพระเม็ดขนุนซึ่งเป็นรูปทรงรีๆ ยาวๆ น่าจะหาพระปางประทับนั่งเช่นเดียวกัน จึงเปลี่ยนอีกทีโดยนำพระกำแพงซุ้มกอ ซึ่งเป็นพระของกรุทุ่งเศรษฐีเช่นกัน ยุคสมัยเดียวกันมาจัดห้อยคู่กับพระนางพญา ก็ได้สมดุลทั้งขนาด รูปทรง และความเหมาะสม ทีนี้เป็นภาระในองค์สุดท้ายที่ต้องหามาให้เหมาะสมและสมดุลมีขนาดใกล้เคียง กับพระรอดซึ่งมีขนาดย่อม และอยู่ถัดขึ้นไปด้านบนของสร้อยจากพระทั้งสามองค์ ก็นึกกันขึ้นมาได้และเป็นข้อยุติคือ ใช้พระผงสุพรรณพิมพ์หน้าแก่ ซึ่งพบที่กรุวัดพระศรีมหาธาตุ สุพรรณบุรี ซึ่งจารึกลานทองระบุว่าพระมหาปิยะทัตสะสี ศรีสารีบุตรเป็นประธานในการสร้างบรรจุไว้ ซึ่งเพียบพร้อมทั้งด้านพุทธคุณตามที่ในลานทองระบุไว้ และเป็นที่นิยมกันมาก ในกลุ่มผู้ใหญ่ที่ท่านสนทนากันในสมัยนั้น ก็เห็นว่าเหมาะสมและสมดุลกันอย่างเหมาะเจาะลงตัว จึงได้มาเป็นพระชุดเบญจภาคีขึ้นในครั้งแรก และผู้นิยมสะสมพระเครื่องต่างก็ยอมรับและชื่นชมในความสามารถที่จัดชุดพระยอด นิยมได้อย่างลงตัวที่สุด
กล่าวโดยสรุปว่า พระเบญจภาคี ประกอบด้วย
- พระสมเด็จฯ วัดระฆัง (พระประธาน) ซึ่งพุทธคุณครอบจักรวาล เป็นองค์แทนพระเครื่องที่สร้างในสมัยรัตนโกสินทร์
- พระนางพญา พุทธคุณเด่นทางเมตตามหานิยมอยู่ยงคงกระพันชาตรี เป็นองค์แทนพระเครื่องที่สร้างในสมัยอยุธยา
- พระกำแพงซุ้มกอ พุทธคุณเด่นทางด้านโชคลาภ โภคทรัพย์ เป็นองค์แทนพระเครื่องที่สร้างในสมัยสุโขทัย
- พระรอด พุทธคุณเด่นทางด้านแคล้วคลาดนิรันตราย เป็นองค์แทนพระเครื่องที่สร้างในสมัยทราวดีตอนปลาย (หริภุญชัย)
- พระผงสุพรรณ นั้นพุทธคุณเด่นทางด้านโภคทรัพย์ แคล้วคลาด อยู่ยง เป็นองค์แทนพระเครื่องที่สร้างในสมัยอู่ทอง
จะเห็นว่าเป็นอัจฉริยะภาพของการจัดชุดพระเบญจภาคี อย่างลงตัว และมีความหมายทั้งทางพุทธคุณ พุทธศิลป์ และยุคสมัย จึงเป็นความนิยมสืบต่อมาจนทุกวันนี้
และนี่คือ พระเบญจภาคี มหามงคล ที่ยังคงเป็นที่กล่าวขานของคนทั้งประเทศ นอกจากจะเข้มขลังด้วยพุทธคุณจากรุ่นสู่รุ่น ยังเต็มไปด้วยความงดงามทั้งศาสตร์และศิลป์ ไม่ว่าจะเป็นกรรมวิธีการสร้าง ความเคารพรักในครูบาอาจารย์ และสิ่งเหล่านี้นี่เองที่เป็นเสน่ห์กลิ่นอายความเชื่อของเครื่องรางไทยครับ
……………………………………….
ท่ามกลางเศรษฐกิจฝืดเคืองทั่วโลกเช่นนี้ ในบางครั้งบางวัน หากคุณเงินขาดมือ ขาดสภาพคล่อง มาสิ ก็ขอแนะนำ https://masii.co.th/thai/loan เว็บไซต์ที่เชี่ยวชาญด้านการเงินและเทคโนโลยี ที่ให้บริการข้อมูลในด้านของการ เปรียบเทียบผลิตภัณฑ์ทางการเงิน และ ประกันภัย ต่างๆ ให้กับคนไทย โดยมีผู้ใช้บริการมากกว่า 10 ล้านคนจากทั่วประเทศ ซึ่งเว็บไซต์ของเรามีความเชื่อถือได้ และช่วยให้คุณและครอบครัวตัดสินใจทางการเงินได้ง่ายและมีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมถึงสร้างทางเลือกสู่อิสรภาพทางด้านการเงินให้กับคุณ
สนใจสมัคร สินเชื่อส่วนบุคคล
เปรียบเทียบสินเชื่อส่วนบุคคล
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
หากใครมีข้อสงสัยเพิ่มเติม โทรมาสอบถามรายละเอียดต่างๆ ได้ที่ 02 710 3100 หรือ แอดไลน์มาเป็นเพื่อนกับเราที่ @masii (มี @ ด้วยนะครับ) เพื่อติดตามข่าวสารและบทความดีๆ ที่ มาสิบล็อก เกี่ยวกับ ประกันรถยนต์ ประกันมอเตอร์ไซค์ ประกันภัยโดรน ประกันเดินทาง ประกันสุขภาพ รวมถึง สินเชื่อส่วนบุคคล บัตรกดเงินสด และ บัตรเครดิต จากสถาบันการเงินชั้นนำ
อ่านบทความที่น่าสนใจเพิ่มเติม
- มิจฉาชีพโผล่ไว อินเทรนด์ ปลอมเป็น ” มิลลิ ” ยืมเงิน พร้อมส่ง ข้าวเหนียวมะม่วง ให้ เตือนภัย! สมัครสินเชื่อส่วนบุคคล เชื่อถือได้ที่นี่
- รู้ทันมิจฉาชีพ หากไม่อยากถูกหลอก.. ให้โอนดอกเบี้ยก่อนได้ เงินกู้
- เงินหายจากบัญชีธนาคาร ป้องกันอย่างไรให้ปลอดภัยจากมิจฉาชีพ
- กรมขนส่งฯ เตือน ระวังมิจฉาชีพหลอกทำใบขับขี่ช่วงโควิด-19 ระบาด
_____________________________________________
Please become Masii Fan
Facebook: https://lnkd.in/gFFh8mh
Website: www.masii.co.th
Blog: https://masii.co.th/blog
Line: @masii
Tel: 02 710 3100
Youtube: https://lnkd.in/gbQf9eh
Instagram: https://lnkd.in/ga4j5ri
Twitter: twitter.com/MasiiGroup
#บัตรเครดิต #สมัครบัตรเครดิตออนไลน์
#ทำบัตรเครดิต #บัตรเครดิตใบแรก
#สินเชื่อส่วนบุคคล #บัตรกดเงินสด #เงินด่วนทันใจ
#สินเชื่อส่วนบุคคลออนไลน์ #กู้เงิน #เงินสด #เงินก้อน
#เงินด่วน #เงินกู้ทันใจ#masii #มาสิ #ครบง่ายสะดวก
#เพื่อความสุขในชีวิตที่ดีกว่า#ครบง่ายสะดวกเพื่อความสุขในชีวิตที่ดีกว่า
#SimplifiedComparison