สำหรับนักลงทุนในหุ้นนั้น ก็มักจะมีเครื่องมือหรืออินดิเคเตอร์ต่าง ๆ เพื่อใช้ในการศึกษาและวิเคราะห์ความเป็นไปของหุ้นตัวนั้น ๆ ซึ่งจะส่งผลให้นักลงทุนสามารถเลือกการลงทุนได้อย่างถูกต้อง ว่าจะซื้อหุ้น หรือขายหุ้นดีในช่วงเวลานั้น ๆ ซึ่งอินดิเคเตอร์แต่ละตัวก็มีความพิเศษในตัวมัน แต่ทั้งนี้ก็ควรนำมาใช้ร่วมกับปัจจัยอื่น ๆ ด้วย เพราะบางครั้งก็อาจเกิดสัญญาณหลอกที่ทำให้นักลงทุนติดดอยกันมามากต่อมากแล้ว และเครื่องมือที่เราจะแนะนำให้รู้จักในวันนี้ก็คือ MACD นั่นเอง
MACD ที่นักลงทุนหุ้นควรทำความเข้าใจ
MACD เป็นเครื่องมือที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เพราะสามารถนำไปหาการเติบโตหรือทิศทางของการเทรนด์ในระยะสั้นได้ ซึ่งกำลังความนิยมเป็นอย่างมากในหมู่นักลงทุนในปัจจุบัน เพราะสามารถเห็นผลกำไร-ขาดทุนได้ในวันต่อวัน โดยการทำงานของ MACD นั้นจะเป็นการวิเคราะห์ความแตกต่างจากค่าเฉลี่ยซึ่งมีลักษณะเป็นกราฟ 2 เส้น คือเส้นระยะสั้นแบบ EMA12 และเส้นระยะยาวแบบ EMA26 ถ้าหากค่า MACD ที่ได้นั้นเป็นบวก ก็หมายถึงระยะสั้นสูงกว่าระยะยาว จึงอาจจะไม่เหมาะที่จะเข้าซื้อเพื่อทำกำไรในช่วงนี้ ซึ่งอาจจะมีช่วงที่ดีกว่านี้ในเวลาต่อมา แต่ถ้าค่า MACD เป็นลบ ก็แปลว่าไม่สมควรเข้าซื้อเป็นอย่างยิ่ง และยังมีปัจจัยอื่น ๆ ที่นำมาประกอบได้อีก ซึ่งนักลงทุนต่างก็ยืนยันว่าการใช้ MACD ค่อนข้างจะแม่นยำกว่าอินดิเคเตอร์ตัวอื่น ซึ่งก็เป็นข้อดีของเครื่องมือชนิดนี้นั่นเอง
แต่สำหรับข้อเสียที่เป็นปัญหามากที่สุดของ MACD ก็คือการเกิดสัญญาณหลอก หรือสัญญาณซื้อขายบ่อยในช่วงราคาที่ใกล้ ๆ กัน ซึ่งก็อาจสร้างความสับสนให้กับนักลงทุนได้ และอาจทำให้นักลงทุนต้องขาดทุน เพราะการซื้อขายหุ้นนั้น มีค่าธรรมเนียมที่สูงพอสมควร ซึ่งก็ต้องนำมาเป็นปัจจัยที่นักลงทุนต้องมาคำนึงถึงอยู่เสมอ และอีกข้อเสียก็คือไม่สามารถนำหุ้นตัวอื่นมาเปรียบเทียบกับตัวที่เราวิเคราะห์อยู่ได้ เพราฉะนั้นจึงเป็นการวิเคราะห์หุ้นตัวใดเพียงตัวเดียวเท่านั้น หากจะเปรียบเทียบก็อาจจะต้องใช้คอมพิวเตอร์ถึง 2 เครื่อง ซึ่งก็ก่อให้เกิดปัญหาและความยุ่งยากที่ตามมาพอสมควร
เพราะฉะนั้นก็ต้องบอกเลยว่า ไม่มีเครื่องมือไหนที่สมบูรณ์หรือดี 100% ขึ้นอยู่กับว่าเราเข้าใจการลงทุนมากแค่ไหน และการลงทุนก็คือความเสี่ยงชนิดหนึ่ง ยิ่งเข้าใจมากก็ยิ่งทำกำไรได้มากนั่นเอง ซึ่ง MACD ก็ถือเป็นตัวช่วยหนึ่งในการลงทุนหุ้นเท่านั้น แต่ไม่ได้หมายความว่าจะช่วยลดความเสี่ยงในการขาดทุนได้ทั้งหมดนั่นเอง ดังนั้นจึงต้องอาศัยความเข้าใจในการลงทุนด้วย