ปัจจัยอะไรบ้างที่มีผลทำให้เบี้ยประกันถูกหรือแพง

ปัจจัยอะไรบ้างที่มีผลทำให้เบี้ยประกันถูกหรือแพง
ปัจจัยอะไรบ้างที่มีผลทำให้เบี้ยประกันถูกหรือแพง
สมัครรถแลกเงินโปรโมชั่น แจกฟรี Voucher Lazada

 

   ช่วงนี้หลายๆ คน อาจจะอยู่ในช่วงที่กำลังมองที่ซื้อหรือที่ต่อประกันภัยรถยนต์กันอยู่ เพราะเป็นสิ่งที่ต้องซื้อในทุกปีเพื่อความปลอดภัยในการขับขี่ของเราเองและหลายๆ คนอาจจะมีคำถามว่าจะทำยังไงให้ซื้อประกันแล้วค่าเบี้ยประกันถูกลงได้บ้าง ซึ่งส่วนนี้ปัจจัยที่มีผลกระทบต่อราคาเบี้ยประกันนั้นมีหลายปัจจัย เพราะความเสี่ยงแต่ละอย่างไม่เท่ากัน วันนี้มาสิจะพาไปดูปัจจัยที่มีผลกระทบต่อราคาเบี้ยประกันกันว่ามีอะไรบ้าง

อะไรมีผลกระทบต่อราคาในการซื้อประกันภัยรถยนต์บ้าง?

ปัจจัยที่มีผลต่อราคาเบี้ยประกันรถยนต์ที่มาสิขอแนะนำมีดังนี้

  • อายุและเพศ

    • เพราะลักษณะการขับขี่รถยนต์ของแต่ละช่วงอายุ รวมถึงแต่ละเพศมีความแตกต่างกันซึ่งส่งผลให้ความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุก็แตกต่างกัน ดังนั้นเบี้ยประกันจึงมีการคิดถึงส่วนนี้ด้วย ตัวอย่างเช่น
    • วัยรุ่นชายจะมีความเสี่ยงสูงในการเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์มากกว่าวัยรุ่นหญิงวัยใกล้เคียงกัน ซึ่งส่งผลให้เบี้ยประกันภัยบางประเภทจึงอาจจะมีราคาที่สูงกว่า
    • เพศชายที่มีอายุกับผู้หญิงที่มีอายุ เพศหญิงที่มีอายุจะมีความเสี่ยงสูงในการเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์มากกว่าเพศชายที่มีอายุ ซึ่งส่งผลให้เบี้ยประกันภัยบางประเภทอาจจะมีราคาที่สูงกว่า
  • เป็นโสด หรือ แต่งงานมีคู่แล้ว

    • ปัจจัยนี้คือ เพศชายที่มีครอบครัวแล้ว จะมีโอกาสเกิดอุบัติเหตุเฉลี่ยแล้วน้อยกว่า ชายที่ยังโสดหรือยังไม่มีครอบครัว แต่ก็ไม่เสมอไปเพราะต้องดูประวัติการขับขี่ควบคู่กันไปด้วย หากไม่มีประวัติการชนและการเคลมเลย ราคาเบี้ยก็จะถูกลงไปเรื่อยๆ
  • ที่อยู่และพื้นที่อาศัย

    • ที่อยู่และพื้นที่อาศัย สามารถนำมาเป็นปัจจัยวิเคราะห์ความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุได้ เพราะพื้นที่ถนนแต่ละที่มีสภาพไม่เหมือนกัน บางที่ถนนดี บางที่ถนนไม่ดี รวมถึงมีความหนาแน่นของรถไม่เท่ากัน  ข้อนี้รวมถึงการใช้งานรถของเราด้วยว่า ใช้งานรถเยอะไหมต่อปี และจำนวนผู้โดยสารเป็นประจำๆ ในรถ ทุกอย่างที่พูดถึงนี้ เป็นปัจจัยที่ส่งผลต่อการนำการคำนวณเบี้ยประกันแทบทั้งนั้น
  • ราคาของรถยนต์เรา

    • เพราะรถยนต์แต่ละประเภทและแต่ละรุ่นมีราคาที่แตกต่างกัน บางรุ่นแพง บางรุ่นถูก  ซึ่งรถราคาถูกที่กำลังนิยมตอนนี้คือ  รถยนต์อีโคคาร์ และยังแบ่งย่อยไปอีกว่าเป็นรถญี่ปุ่น หรือ รถยุโรป รถทั้งสองโซนนี้ราคาเบี้ยก็ไม่เท่ากัน เพราะราคารถไม่เท่ากันนั้นเอง โดยรถยุโรปจะมีเบี้ยที่แพง
  • ประวัติการชนและการเคลม

    • ขี้อนี้ถือว่าเป้นปัจจัยหลักที่บริษัทประกันเกือบทุกบริษัท ใช้เป็นหลักในการประเมินราคาค่าเบี้ยประกันภัยก็ว่าได้ เพราะหากว่าเราที่ต้องการซื้อประกันภัยไม่เคยมีประวัติเสียเช่น ชนบ่อย เคลมถี่ ซ่อมประจำ ราคาเบี้ยประกันภัยรถยนต์ย่อมมีราคาถูก หากแต่เราเป็นคนขับขี่ประวัติไม่ดี ชนบ่อย เคลมถี่ ราคาเบี้ยประกันภัยรถยนต์ย่อมมีราคาแพงกว่าคนประวัติดีอย่างแน่นอน
  • รถเราเสี่ยงต่อการถูกขโมยหรือไม่

    • ข้อนี้หลายๆ คนอาจจะนึกไม่ถึง เพราะรถยนต์แต่ละรุ่นมีราคาและอัตราการศูนย์หายที่ไม่เท่ากัน จึงทำให้บริาัทประกันต้องคำนวนจุดนี้ด้วย เพราะประกันภัยรถยนต์บางประเภทคุ้มครองและดูแลเรื่องการชดเชยกรณีรถศูนย์หายด้วย  และหากรถเราเป็นรถรุ่นที่มีอัตราการศูนย์หายสูงหรือถูกขโมยเป็นประจำ เบี้ยอาจจะมีการปรับสูงขึ้นเป็นธรรมดา

มีส่วนลดอะไรบ้างไหมที่จะทำให้เบี้ยประกันรถยนต์ถูกลง?

ส่วนลดที่จะทำให้ราคาเบี้ยประกันถูกลง มี 4 แบบง่ายๆ ดังนี้

  • ส่วนลดประวัติดี (No Claim Bonus – NCB) (แบบคันเดียว)

    • หากว่าเราไม่เคยมีประวัติการชน การเคลมเลย หรือเคลมแต่ไม่ใช่ฝ่ายผิดตลอดปีที่ผ่านมา เราจะได้รับส่วนลดประวัติดีนี้ ในแต่ละปี ซึ่งลดสูงสุดถึง 50% ของเบี้ยประกันในปีที่เราต่ออายุ โดยมีรายละเอียดการลดดังนี้
    • ประวัติดีปีที่ 1 ขับรถดีในปีแรก รับส่วนลด 20% ในปีต่อมา
    • ประวัติดีปีที่ 2 ขับรถดี 2 ปีติดต่อกัน รับส่วนลด 30% ในปีต่อมา
    • ประวัติดีปีที่ 3 ขับรถดี 3 ปีติดต่อกัน รับส่วนลด 40% ในปีต่อมา
    • ประวัติดีปีที่ 4 ขับรถดีติดต่อกันตั้งแต่ 4 ปีขึ้นไป รับส่วนลด 50% ในปีต่อไป

masii tips

  • ส่วนลดประวัติดีนี้จะลดลงหากเราเป็นฝ่ายผิดในอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น โดยลดประวัติดีจะลดลงทีละขั้น
  • ตัวอย่าง-หากเรามีส่วนลดประวัติดีที่ 40 % และเป็นฝ่ายผิด 1 ครั้ง ส่วนลดประวัติก็จะลดเหลือ 30 % บางคนอาจจะเข้าใจว่าหากเป็นฝ่ายผิดเพียงครั้งเดียวก็จะทำให้ส่วนลดประวัติดีหายหมด แต่ในความจริงแล้วส่วนลดจะค่อยๆลดลงทีละขั้น
    • ฝ่ายผิด คือ การที่เราขับรถไปชนรถคันอื่น และทำให้เราต้องเคลมประกันจากบริษัทประกันภัยที่เกิดจากกรณีผู้เอาประกัน(ตัวเราผู้ซื้อประกัน)เป็นฝ่ายผิด
    • ฝ่ายถูก คือ การที่เราโดนรถคันอื่นชน และทำให้เราไม่ต้องเคลมประกันจากบริษัทประกันภัยที่เกิดจากกรณีผู้เอาประกัน(ตัวเราผู้ซื้อประกัน)เป็นฝ่ายผิด**
    • ** ทั้งนี้ผู้เอาประกัน(ตัวเราผู้ซื้อประกัน)จะผิดหรือไม่นั้น จะขึ้นอยู่กับเงื่อนไขในกรมธรรม์ประกันภัยที่เราทำและดุลพินิจเจ้าหน้าที่ตำรวจ/เจ้าหน้าที่บริษัทประกันภัยนั้นๆประกอบด้วย **
  • ระบุชื่อผู้ขับขี่

    • การระบุชื่อผู้ขับขี่ในกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ ก็จะช่วยให้เราได้รับส่วนลดค่าเบี้ยประกันอีกด้วย แต่จะใช้ได้เฉพาะรถยนต์นั่ง รถยนต์โดยสาร ที่ใช้ส่วนบุคคล และสามารถระบุชื่อผู้ขับขี่ได้ไม่เกิน 2 คน ซึ่งจะทำให้เราได้รับส่วนลดเบี้ยประกันภัยตั้งแต่ 5-20 % ตามช่วงอายุของผู้ขับขี่ ดังนี้
    • ช่วงอายุ 18-24 ปี จะได้รับส่วนลดที่ 5%
    • ช่วงอายุ 25-35 ปี จะได้รับส่วนลดที่ 10%
    • ช่วงอายุ 36-50 ปี จะได้รับส่วนลดที่ 15%
    • ช่วงอายุ 50 ปีขึ้นไป จะได้รับส่วนลดที่ 20%
  • กำหนดความเสียหายส่วนแรก (Deductible)

    • การทำประกันภัยรถยนต์แบบมีค่าความเสียหายส่วนแรก (Deductible) ถือเป็นการเลือกรับความเสี่ยงภัยไว้เองบางส่วนจากกรณีเกิดอุบัติเหตุในเเต่ละครั้ง โดยแลกกับส่วนลดค่าความเสียหายส่วนแรก (Deductible) ซึ่งทั่วไปไม่เกิน 5,000 บาท
    • วิธีนี้จะช่วยทำให้เราประหยัดค่าเบี้ยประกันภัยได้พอสมควร เช่น หากเราซื้อค่าเสียหายส่วนแรกเพิ่มเป็นจำนวนเงิน 2,000 บาท , เราก็จะได้ลดเบี้ยประกันจากยอดเดิม 2,000 บาท (เงื่อนไขของเเต่ละบริษัทอาจเเตกต่างกัน แต่จะใช้หลักเดียวกัน) ดังนั้นเมื่อเกิดอุบัติเหตุ ขึ้นและเราเป็นฝ่ายผิด เราก็จะต้องเสียเงินจำนวน 2,000 บาทต่อครั้ง เพราะว่าว่าเงินตรงนี้เป็นการร่วมรับผิดกับบริษัทประกันภัย โดยส่วนที่เกินจาก 2,000 บาทนี้ประกันจะรับผิดชอบ แต่จะรับผิดชอบไม่เกินทุนประกันในกรมธรรม์
  • ส่วนลดประวัติดี  (No Claim Bonus – NCB) (แบบกลุ่ม)

    • กรณีหากเรามีรถยนต์ตั้งแต่ 3 คันขึ้นไป และจดทะเบียนชื่อเดียวกัน รวมถึงไม่เคยมีประวัติการเคลมเลยในปีที่ผ่านมา หรือมีเคลมแต่ไม่ได้เป็นฝ่ายผิด ท่านจะได้รับส่วนลดประวัติดี แบบกลุ่ม ดังนี้
    • ประกันรถยนต์ 3- 9 คัน ส่วนลด 30 %
    • ประกันรถยนต์ 10- 19 คัน ส่วนลด 35 %
    • ประกันรถยนต์ 20 คัน ส่วนลด 40 %

masii tips

  • ส่วนลดประวัติดีแบบกลุ่มนี้ ไม่จำเป็นว่าจะต้องได้ส่วนลดมากกว่าประวัติดีแบบเดี่ยวเสมอไป เพราะส่วนลดที่จะได้รับมีสาเหตุจากหลายปัจจัย ขึ้นอยู่กับยี่ห้อรถยนต์ เงื่อนไขที่กำหนดแต่ละบริษัท โปรโมชั่น ประวัติการเคลม และอื่นๆ ทำให้บางครั้งการแยกทำเป็นประวัติดีแบบเดี่ยว จะลดเบี้ยประกันได้มากกว่า

เปรียบเทียบราคาเบี้ยประกันจากหลายๆ บริษัทประกัน

          ในปัจจุบันมีเว็บไซด์ให้บริการเปรียบเทียบราคาเบี้ยประกันภัยรถยนต์อยู่พอสมควร ซึ่งแต่ละที่จะทำการรวบรวมข้อมูลและราคาเบี้ยประกันจากบริษัทประกันภัยต่างๆ มาให้เราเลือกดูเพื่อที่ีจะหาประกันที่ตรงใจและราคาโดนใจให้กับเรานั้นเอง รู้แบบนี้แล้วก็อย่าลืมที่จะลองใช้งาน (ลองได้เลยที่ https://masii.co.th/thai/car-insurance ครับ แอบบอกได้คำนึงว่ามีส่วนลดพิเศษให้ด้วยนะครับ)

สรุป
หากอยากให้เบี้ยประกันถูกลง ข้อง่ายๆ ที่เราทำได้เลยทันทีคือ ประวัติดี ขับรถดีๆ ไม่ชน ไม่เคลม สิ้นปีตอนต่อประกันค่าเบี้ยก็ลดลงแบบเห็นๆ แล้ว และยังมีปัจจัยอื่นๆอีกที่จะช่วยลดเบี้ยประกันได้  และก็อย่าลืมเปรียบเทียบราคาเบี้ยประกันจากหลายๆ บริษัทประกันนะครับเพื่อที่เราจะได้ประหยัด
สามารถเปรียบเทียบเบี้ยประกันภัยรถยนต์ได้ที่ https://masii.co.th/thai/car-insurance หรือหากเพื่อนๆ ต้องการหาข้อมูลหรือเปรียบเทียบประกันรถยนต์ ในส่วนรายละเอียดอื่นๆ สามารถลองใช้บริการที่ www.masii.com ได้ครับ