เลือกฟิล์มกรองแสงติดรถยนต์อย่างไร ให้สวยใส แถมไม่ร้อน ฟิล์มกรองแสงติดรถยนต์ โดยทั่วไปสามารถแบ่งเป็นประเภทย่อยๆ ได้อีก 4 ประเภท
4 ประเภท ฟิล์มกรองแสงติดรถยนต์
- ฟิล์มปรอท, ฟิล์มเคลือบโลหะ และฟิล์มลดความร้อน ตัวฟิล์มจะคล้ายกระจกเงา ซึ่งคนข้างนอกจะมองเข้าไปในตัวรถไม่ได้เลยในเวลากลางวัน แต่ถ้าตอนกลางคืนจะสามารถมองเข้าไปได้ ฟิล์มชนิดนี้จะมีคุณภาพในการลดความร้อนตั้งแต่ 35-90% รวมถึงป้องกันรังสีต่างๆ อายุการใช้งานของผิล์มชนิดนี้จะอยู่ที่ 3-7 ปี ส่วนราคาจะอยู่ที่ 2,000-5,000 บาท
- ฟิล์มอินฟราเรด (Infrared Film) เป็นฟิล์มที่เคลือบสารเคมีพิเศษเข้าไป เพื่อทำการตัดรังสีอินฟราเรด ซึ่งฟิล์มชนิดนี้เป็นฟิล์มที่สามารถกันความร้อนได้ดีที่สุด แต่ก็เป็นฟิล์มที่มีราคาสูงมากเช่นเดียวกัน
- ฟิล์มนิรภัย (Safety Film) เป็นฟิล์มชนิดที่มีความหนาตั้งแต่ 4 MIL ขึ้นไป (1 MIL = 1/1,000 นิ้ว) มีทั้งชนิดลดความร้อน และไม่ลดความร้อน ซึ่งฟิล์มชนิดนี้จะทำการยึดเกาะแผ่นกระจกให้คงรูปมากที่สุด และยังจะช่วยซับแรงจากการกระแทกได้อีกด้วย
- ฟิล์มใสนาโน เป็นฟิล์มที่แสงสามารถส่องผ่านได้มากที่สุดถึง 60% แต่ก็เป็นฟิล์มที่ช่วยลดความร้อนได้สูง ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับวัสดุที่นำมาผลิต ซึ่งฟิล์มชนิดนี้ส่วนมากมักจะราคาที่ค่อนข้างสูง
เอ๊ะ แล้วควรติดฟิล์มกี่เปอร์เซ็นต์ดีนะ?
เปอร์เซ็นต์ที่ใช้เรียกกันนั้น จริงๆ ก็คือ เปอร์เซ็นที่แสงสามารถส่องผ่านเข้ามาได้ คำว่า 40, 60 ,80 เป็นภาษาที่ใช้เรียกตามระดับความเข้มของฟิล์ม โดยแต่ละยี่ห้อก็จะมีค่ากำหนดที่แตกต่างกันไปตามแต่ละบริษัทฯ จะออกแบบมา ซึ่งพออธิบายได้ง่ายๆ ดังนี้
- ฟิล์ม 40% บางยี่ห้ออาจหมายถึงฟิล์มใส ที่มีค่าของแสงส่องผ่านได้ประมาณ 35% ขึ้นไป เช่น ตัวเลขที่ระบุบนเนื้อฟิล์มเช่น APL35N, POP35N, APL45NX, L80BL ฯลฯ
- ฟิล์ม 60% หมายถึง ฟิล์มเข้มที่มีค่าของแสงส่องผ่านได้ประมาณ 20% เช่น ANL20N, ARL20C, ARL20BX, L20N, POP20N ฯลฯ
- ฟิล์ม 80% หมายถึง ฟิล์มเข้มที่สุดที่มีค่าของแสงส่องผ่านได้ประมาณ 5% เช่น ARL05C, ANL05N, POP05C, L05 Digital CTX ฯลฯ
การเลือกฟิล์มรถยนต์สำหรับประเทศไทยที่เป็นเมืองร้อนและแสงแดดมีความเข้มสูง อีกทั้งยังรังสีต่างๆ ที่มากับแสงแดดยังเป็นอันตรายต่อผิวหนัง จึงต้องคำนึงถึงปัจจัยหลายอย่าง เช่น งบประมาณ คุณภาพ ความจำเป็นในการเลือกความเข้มของฟิล์มส่วนยี่ห้อผู้ผลิตนั้นส่วนใหญ่มักเป็นแบรนด์นำเข้าจากต่างประเทศที่มีคุณภาพสูงๆ ดังนั้นควรเลือกฟิล์มที่เหมาะสม เพียงพอกับตัวรถยนต์และลักษณะการใช้งาน นอกจากนี้ยังต้องคำนึงถึงความปลอดภัยทั้งในเรื่องของอาชญากรรม และวิสัยทัศน์ของผู้ขับขี่และผู้ขับตามหลัง แต่ก็ยังมีเจ้าของรถยนต์บางคนติดตั้งฟิล์มเข้มจัด จนมองได้ยาก และเสี่ยงต่ออาชญากรรมอีกด้วย