สวัสดีครับ ในช่วงปีที่ผ่านมาความเครียดที่เพิ่มขึ้นอาจเป็นปัจจัยที่ส่งผลต่ออาการทางร่างกายต่างๆ นานา วันนี้เพื่อเป็นการกันไว้ดีกว่าแก้ มาสิอยากจะชวนคุณมารู้เกี่ยวกับโรคที่คนไทยเป็นจำนวนมาก และค่ารักษาพยาบาล เราตาม masii มาดูค่ารักษาพยาบาลกันดีกว่า
เปิดดูค่ารักษาพยาบาลโรคยอดฮิตของคนไทย
โรคเรื้อรังยอดฮิต
สำหรับใครที่กำลังสงสัยอยู่ว่าคนไทยมีแนวโน้มที่จะเป็นโรคอะไรบ้าง มาสิจะบอกให้ครับ ซึ่งบรรดาโรคพวกนี้เนี่ยจะขึ้นอยู่กับอายุ เพศ น้ำหนัก และไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตครับ ได้แก่
มะเร็ง: กลุ่มโรคยอดฮิตซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกอวัยวะทั้งภายนอกและภายในของเราได้ มะเร็งที่ผู้หญิงมักเป็นได้แก่ มะเร็งปากมดลูก มะเร็งเต้านม สำหรับผู้ชายก็จะมีมะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งตับ มะเร็งลำไส้ใหญ่ ซึ่งยังมีความเสี่ยงสำหรับคนที่สูบบุหรี่ที่อาจเกิดมะเร็งปอด
หัวใจ: สำหรับโรคที่เกิดขึ้นกับหัวใจสามารถเป็นได้ตั้งแต่ โรคหลอดเลือดหัว โรคกล้ามเนื้อหัวใจ โรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ โรคลิ้นหัวใจ โรคหัวใจพิการแต่กำเนิด และโรคติดเชื้อบริเวณหัวใจ ซึ่งอาการของโรคก็จะมีความแตกต่างกัน อาจขึ้นอยู่กับพันธุ์กรรม หรือการกินอาหารที่มีไขมันสูง การใช้สารเสพติด ตลอดจนความผิดปกติตั้งแต่อยู่ในท้องแม่
เบาหวาน: ต้องบอกเรียกว่าคนไทยติดกินหวาน ทั้งน้ำหวานๆ สารพัดที่ออกมา ซึ่งอาจทำให้เกิดโรคเบาหวานได้ เบาหวานส่วนมากมักเกิดจากการผลิตฮอร์โมนอินซูลินที่ผิดปกติทั้งไม่เพียงพอหรือไม่สามารถผลิตได้ ส่งผลให้การควบคุมน้ำตาลเลือดผิดปกติ และอาจลุกลามไปยังโรคอื่นได้เช่น โรคหลอดเลือดหัวใจ โรคไต ฯลฯ
ไต: ไตทำหน้าที่รักษาสมดุลของน้ำในร่างกาย เมื่อไตที่เป็นอวัยวะที่กรองของเสียผิดปกติย่อมทำให้การดูดซึมแร่ธาตุบางชนิดผิดปกติ เพราะแร่ธาตุอาจถูกขับมาทางปัสสาวะแทน ซึ่งโรคไตก็ยังแยกย่อยไปอีก ได้แก่ โรคไตวายฉับพลัน โรคไตวายเรื้อรัง โรคไตอักเสบ โรคติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ และโรคถุงน้ำที่ไต อาจเริ่มสังเกตตัวเองง่ายๆ ว่าเรามีอาการปัสสาวะที่ผิดปกติจากเดิมมั้ย?
ความดันโลหิต: สำหรับใครที่มีอาการปวดหัว มึนหัว สายตาพล่ามัว บ่อยครั้ง อาการเหล่านี้อาจเป็นอาการพื้นฐานของโรคความดันโลหิตที่เกิดขึ้นจากสาเหตุไขมันอุดตัน ความเครียด การไม่ออกกำลังกาย รวมถึงอาการแทรกซ้อนจากโรคไตหรือเบาหวานด้วย
จะเห็นได้ว่าโรคเรื้อรังเหล่านี้ อาการพื้นฐานอาจไม่ได้ดูน่ากลัวมาก แต่ภัยร้ายที่มากับโรคเหล่านี้คืออาการแทรกซ้อนซึ่งอาจนำโรคต่างๆ มาเป็นอีกกระพรวน นอกจากนั้นก็คือในระยะแรกของการเป็นโรคนั้นเราอาจไม่รู้ตัว มาเจออีกทีก็เข้าสู่ระยะที่เสี่ยงหรือวิกฤติแล้ว สิ่งที่จะตามมาก็คือรักษาพยาบาล ค่าผ่าตัด ค่าพักฟื้นที่โรงพยาบาล ราคาเหล่านี้ก็ขึ้นอยู่ว่าโรงพยาบาล ศูนย์การแพทย์นั้นเป็นของภาครัฐหรือเอกชนอีก ไหนจะอาการที่เป็นเข้าสู่ช่วงระยะที่เท่าไรต้องเข้ารับการผ่าตัดหรือฉายรังสี หรือค่ายาแล้วแต่อาการอีก เรามาดูจำนวนเงินคร่าวๆ ดีกว่าครับ
เปิดดูค่ารักษาพยาบาล
มะเร็ง: สำหรับมะเร็งจะมีหลายแบบซึ่งราคาแต่ละชนิดก็จะขึ้นอยู่กับอวัยวะที่เป็น ระยะที่รักษา
- ราคาในการตรวจวินิจฉัย เริ่มต้น 30,000 บาท
- การผ่าตัดนั้นจะ เริ่มต้นที่ 200,000 บาท
- การให้ยาผ่านการฉายรังสี 100,000 – 500,000
- การใช้เคมีบำบัด เริ่มต้นที่ 400,000 – 1,200,000 บาท
หัวใจ: สำหรับการรักษาโรคเกี่ยวกับหัวใจนั้นมีค่าใช้จ่ายที่สูงมาก วิธีการรักษาก็ขึ้นอยู่โรคที่เป็น
- การทำบอลลูน สามารถรักษา โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ, โรคลิ้นหัวใจตีบ, กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด ซึ่งราคาที่รักษาจะอยู่ที่ประมาณ 200,000 – 1,000,000 บาท
- การผ่าตัดบายพลาส จะช่วยขยายผนังหลอดเลือดหัวใจ เปป็นอีกวิธีที่จะช่วยให้หลอดเลือดไหลสะดวกขึ้น ราคารักษาแบบเหมาจะอยู่ที่ 550,000 – 650,000 บาท
- การผ่าตัดลิ้นหัว จะอยู่ที่ 130,000 – 300,000 บาท
เบาหวาน: สำหรับโรคเบาหวานค่ารักษาพยาบาลอาจไม่สูงในระดับสองโรคที่กล่าวมา แต่สิ่งที่น่ากลัวคือภาวะแทรกซ้อนจากโรคอื่นๆ รวมไปถึงหาเกินแผลลุกลามที่อาจทำให้ต้องตัดอวัยวะต่างๆ ได้ มีค่ายาอินซูลินที่จะต้องฉีดและอุปกรณ์ตรวจค่าน้ำตาลเพิ่มเติม
- อุปกรณ์ตรวจค่าน้ำตาล ราคาจะอยู่ที่ 900 – 4,000 บาท
- ค่ายาที่จะเริ่มต้นตั้งแต่ 400 – 2,000 บาท
โรคไต: วิธีการรักษานั้นขึ้นอยู่กับระยะที่เป็น ซึ่งค่าใช้จ่ายหลักๆ เป็น
- ค่าฟอกเลือดด้วยไตเทียม ไม่เกิน 1,500 – 2,500 บาท/ครั้ง (ฟอกสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง)
- ค่ายากระตุ้นการสร้างเม็ดเลือดแดงประมาณ 10,000 บาท/เดือน
- ค่าผ่าตัดเปลี่ยนไต ราคาประมาณ 200,000 – 250,000 บาท
ความดันโลหิต: ราคาค่ารักษาส่วนมากจะตามแพทย์จ่ายยาให้ ซึ่งขึ้นอยู่กับชนิดของยาและปริมาณของยา โดยจะอยู่ราวๆ 700 – 3,000 บาท
จะเห็นได้ว่าถ้าเราสามารถป้องกันลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้ ทั้งจากการตรวจสุขภาพประจำปี การกิน การออกกำลังกาย ลดความเครียด หมั่นสำรวจสุขภาพตัวเองก็สามารถป้องกันได้ แต่ถ้าเป็นแล้วนั้น จำเป็นจะต้องเตรียมทางการเงินให้พร้อม ซึ่งอาจเริ่มจากการสำรวจพวกประกันสุขภาพว่าครอบคลุมโรคเหล่าและการผ่าตัดมั้ย ซึ่งเราจะต้องอ่านกรมธรรม์อย่างถี่ถ้วนเพื่อจะได้ดูสิทธิ์เบื้องต้น นอกจากนั้นยังมีในจำพวกประกันสังคมที่จะช่วยจ่ายค่ารักษาพยาบาลส่วนนึงหรือเต็มจำนวน หรือในข้าราชการที่จะได้รับสิทธิ์เบิกค่ารักษาพยาบาล และเบิกได้สำหรับครอบครัวครับ
แต่ถ้าคุณไม่ได้มีในส่วนดังกล่าว นับว่าเป็นราคาที่แพงมาก การขอสินเชื่อส่วนบุคคลเพื่อใช้ในการรักษาพยาบาล ซึ่งสินเชื่อบางตัวจะมีการอนุมัติที่รวดเร็วมาก หากเกิดเหตุฉุกเฉิน คุณสามารถที่จะนำเงินส่วนนี้มาใช้หรือสมทบทุนได้ สินเชื่อที่มาสิจะแนะนำได้แก่ บัตรสมาชิกอิออน และ สินเชื่อบุคคล ซิตี้ หรือแม้แต่การนำสินทรัพย์ส่วนตัวไปแลกเป็นเงิน อย่างสินเชื่อรถแลกเงิน ในกรณีฉุกเฉิน
เปรียบเทียบสินเชื่อส่วนบุคคล
สำหรับใครที่ต้องการเปรียบเทียบทางการเงินให้มาสิช่วยทำให้เลือกเข้าใจยากๆ อย่างการขอสินเชื่อส่วนบุคคลง่ายขึ้น จากการเปรียบเทียบอย่างเที่ยงตรงจากพาร์ทเนอร์ของเรา แถมยังมีเคล็ดลับในการขอสินเชื่อส่วนบุคคลให้ผ่านง่ายๆ อีกด้วยครับ และเพื่อให้การรักษาของเราได้ครอบคลุมค่าใช้จ่าย การทำประกันสุขภาพไว้ ก็จะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เราแบ่งเบาเรื่องรายจ่ายได้ครับ หากสนใจสามารถติดต่อได้ผ่านทั้งทาง LINE: @masii (มี @ ด้วยครับ) หรือ มาสิ โทรเลย 02 710 3100
ข้อมูลเพิ่มเติม
www.pobpad.com, www.haijai.com, www.honestdocs.co, www.kapook.com, www.ccit.go.th, www.doctor.or.th, www.facebook.com/dreatery