เสริมพลังความรัก ขอพรเรื่องคู่ครอง กับผู้เฒ่าจันทรา ในเทศกาลไหว้พระจันทร์

โดย

09/09/2022

สมัครรถแลกเงินโปรโมชั่น แจกฟรี Voucher Lazada

วันเวลาหมุนเปลี่ยนเวียนมาบรรจบจบกันอีกครั้งแล้ว สำหรับอีกหนึ่งเทศกาลสำคัญของชาวจีนหรือคนไทยเชื้อสายจีน อย่างเทศกาลไหว้พระจันทร์ เทศกาลแห่งการเฉลิมฉลองหลังฤดูการเก็บเกี่ยว ซึ่งจะจัดขึ้นตรงกับวันคืนวันเพ็ญขึ้น 15 ค่ำ เดือน 8 ตามปฏิทินจันทรคติ และในปีนี้จะตรงกับวันที่ 10 กันยายน 65 ตามเวลาของไทย เทศกาลไหว้ พระจันทร์ นี้ ชาวจีนจะเฉลิมฉลองด้วยการไหว้ดวงจันทร์ในเวลากลางคืน แม้เทศกาลไหว้ พระจันทร์ นี้จะไม่ได้เป็นที่นิยมในประเทศไทยมากมายนัก แต่เราก็ยังเห็นและได้รับอิทธิพลนี้มาพอสมควร อาทิเช่น ขนมไหว้พระจันทร์ ที่แบรนด์ขนมยอดนิยมต่าง ๆ ก็มักที่จะมีการจัดทำ จัดจำหน่ายเป็นพิเศษในช่วงเทศกาลนี้ ไม่เพียงเท่านั้น ในปัจจุบันด้วยกระแสเรื่องของการมูเตลู หรือการไหว้บูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เริ่มกลับมาเป็นที่นิยมอีกครั้ง จึงทำให้กระแสของการไหว้พระจันทร์จึงเริ่มกลับมาเป็นที่สนใจสำหรับคนไทยอย่างเราอีกครั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในกลุ่มของคนโสด และผู้ที่ต้องการในเรื่องการเงินและโชคลาภ วันนี้ มาสิก็ได้หยิบยกตำนานเทศกาลไหว้พระจันทร์มาฝาก แต่สำหรับที่ต้องการไหว้พระจันทร์ มาสิ ก็ยังได้ขนเอา เทคนิควิธี และขั้นตอนการไหว้มาฝากพร้อมกันด้วย จะมีรายละเอียดอย่างไรบ้างนั้น ตาม มาสิ ไปดูกันน

ประวัติของวันไหว้ พระจันทร์

เทศกาลไหว้พระจันทร์ จะตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 8 ตามปฏิทินจันทรคติของจีน ในทุกๆ ปีทุก ๆ ครัวเรือนจะซื้อขนมไหว้พระจันทร์มาไหว้พระจันทร์ พร้อมกับการชมพระจันทร์จนกลายเป็นประเพณีของจีนที่สืบต่อกันมา สำหรับประเพณีรับประทานขนมไหว้พระจันทร์ในวันไหว้พระจันทร์นั้น เกิดขึ้นเมื่อช่วงสมัยที่ชาวมองโกลเข้ามาปกครองแผ่นดินจีน เมื่อชาวมองโกลกดขี่ข่มเหงและทำร้ายชาวจีนอย่างโหดเหี้ยม และเพื่อควบคุมดูแลชาวจีนอย่างใกล้ชิด ชาวมองโกลจึงส่งทหารของตนไปประจำอยู่ในบ้านของชาวจีนครอบครัวละ 1 คน เป็นอันว่าชาวจีนทุกๆ ครัวเรือนต่างต้องเลี้ยงดูทหารมองโกล 1 คน ทหารมองโกลเหล่านี้ยังก่อกรรมทำชั่วไปหมด

ทำให้ชาวจีนขุ่นเคืองใจเป็นอย่างยิ่ง ต่อมาท่านหลิวปั๋วเวิน คิดได้วิธีหนึ่ง คือ ให้นำกระดาษเขียนข้อความ แล้วสอดไส้ไว้ในขนม เรียกร้องให้ชาวจีนทุกคนลงมือสังหารทหารมองโกลที่ประจำอยู่ในบ้านของตน อย่างพร้อมเพรียงกันในวันเพ็ญเดือนแปด ทั้งนี้เพื่อให้ชาวจีนที่ไปซื้อขนมมารับประทานกัน ต่างได้อ่านข้อความดังกล่าวและช่วยกันกระจายข่าวนี้ออกไป เพื่อก่อการปฏิวัติโดยพร้อมเพรียงกัน ณ วันเพ็ญเดือนแปด ทำให้สามารถโค่นล้มอำนาจการปกครองของมองโกลในที่สุด

เพื่อเป็นการฉลอง และรำลึกการกอบกู้แผ่นดินที่ประสบความสำเร็จ ประเพณีรับประทานขนมไหว้พระจันทร์ในวันเทศกาลดังกล่าวจึงมีการสืบทอดกันตลอดมาจนถึงปัจจุบัน ไม่ว่าแห่งหนใดที่มีชาวจีนเดินทางไปถึงก็จะพาประเพณีรับประทานขนมไหว้พระจันทร์ ไปด้วยนั่นเอง

ผู้เฒ่าจันทรา เทพเย่เหล่า หรือเทพเจ้าด้ายแดง

เทพเย่เหล่า หรือเทพเจ้าด้ายแดง หรือรู้จักกันในอีกชื่อว่า “เฒ่าจันทรา” เป็นกามเทพของชาวจีน ซึ่งเชื่อกันว่าท่านเป็นผู้ที่คอยดูแลเรื่องความรักของมนุษย์บนโลก ชาวจีนจึงนิยมขอพรกับท่านในเรื่องความรัก โดยมือซ้ายจะถือหนังสือรายการเนื้อคู่เอาไว้ ส่วนมือขวาถือไม้เท้า และมีด้ายแดงพาดอยู่บนบ่า หากพบว่าใครมีดวงสมพงษ์เป็นคู่ครองกัน ท่านก็จะนำด้ายแดงไปผูกไว้ที่มือของทั้ง 2 คนเพื่อให้ได้พบกัน

สำหรับตำนานองค์เทพเย่เหล่า จริงๆ แล้วเกิดจากหลักวิทยาศาสตร์ คนไทยเมื่อมองขึ้นไปบนดวงจันทร์ จะมองเห็นเป็นกระต่าย แต่คนจีนเมื่อมองขึ้นไปจะจินตนาการเห็นเป็นผู้เฒ่าถือคัมภีร์

จึงผูกเรื่องราวว่า นานมาแล้วชายหนุ่มกับหญิงสาวรักกันมาก ครั้นหญิงสาวมาด่วนจากไป แต่ด้วยความดีของหญิงสาวผู้นั้นเลยไปเป็นพระจันทร์อยู่บนฟากฟ้า ชายหนุ่มก็ปฏิญาณว่าจะไม่มีใคร ซึ่งทั้งสองเคยสัญญาเอาไว้ว่า แม้ห่างไกลกันคนละฟากฟ้า แต่หัวใจจะผูกอยู่ด้วยกันชั่วฟ้าดินสลาย

ชายหนุ่มเลยบำเพ็ญเพียรตบะอยู่นานหลายปี ซึ่งหญิงสาวคนรักจะมาหาเขาเดือนละครั้งในวันที่พระจันทร์เต็มดวง คือเมื่อสำเร็จเป็นเซียนแล้ว เทพยดาเห็นใจยกทั้งเขาและคนรักขึ้นไปอยู่บนดวงจันทร์ชั่วฟ้าดินสลาย พร้อมมอบหมายคอยจดชื่อคนที่ไร้คู่ แล้วก็เอาด้ายแดงผูกกับรองเท้าให้มาหากัน

นอกจากนี้ประวัติความเป็นมาของ ผู้เฒ่าจันทรา ยังมีปรากฏอยู่ในหนังสือ中华神话传说ที่มีเนื้อหาใจความว่า ย้อนกลับไปเมื่อ ค.ศ. 627 ปีแรกในรัชสมัยถังไท่จงฮ่องเต้ เมืองหางโจวมีกระทาชายนายหนึ่งนาม “เหวยกู้” เกิดในตระกูลทหาร แต่โชคร้าย เมื่อเขาอายุได้ 12 ปี พ่อของเขาถูกขุนนางกังฉินใส่ร้าย ถูกถอดยศลดชั้นกลายเป็นสามัญชน พออีกสองปีต่อมาพ่อของเหวยกู้ก็ตรอมใจตาย ไม่นานแม่ของเขาก็ตายตามไปอีกคน ทิ้งเหวยกู้สู้โลกเพียงลำพัง เมื่อเหวยกู้ ถึงวัยสมควรมีภรรยา แต่ด้วยสถานะแบบนี้ทำให้เขาไม่เคยไปสู่ขอใครมาเป็นคู่ชีวิตได้สำเร็จ เหวยกู้รู้สึกหนักใจเป็นอย่างมาก เพราะหากไร้คู่ย่อมมิอาจสืบทอดวงศ์ตระกูลได้ ตระกูลจะไร้ผู้สืบทอดเขาก็ย่อมผิดต่อบรรพชน

หลังจากนั้นมีอยู่คืนหนึ่ง เหวยกู้ได้ออกไปเดินเล่นเพียงลำพังในยามค่ำคืน และบังเอิญได้พบชายประหลาดผู้หนึ่งมีเส้นผม และ หนวดเคราสีขาวโพลน นั่งอยู่ข้างถุงสีเขียว กำลังตรวจทานหนังสืออยู่ใต้แสงจันทร์ เหวยกู้ประหลาดใจยิ่งนักจึงเอ่ยถามเขาว่าอ่านหนังสืออะไร ชายผู้นั้นตอบว่า “ ข้ากำลังตรวจทานสมุดบุพเพสันนิวาสของโลกอยู่ ” และเหวยกู้ก็ยังพบอีกว่าในถุงของเขามีด้ายแดงอยู่มากมาย เขาจึงถามว่าด้ายแดงเหล่านั้นใช้ทำอะไร ชายผู้นั้นตอบว่า “ ข้าใช้ด้ายแดงเหล่านี้มาผูกเท้าของสามีภรรยา แม้เป็นคู่แค้นคู่อาฆาต หรืออยู่ห่างไกลกันหมื่นลี้ ข้าก็สามารถจับชาย และหญิงที่มีวาสนาต่อกันมาผูกไว้ด้วยกันได้ ” เหวยกู้ได้ยินอย่างนั้นจึงถามไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นว่า “ ถ้าเช่นนั้นผู้ใดเป็นภรรยาในอนาคตของข้าเล่า ” ชายประหลาดผู้นั้นกล่าวว่า “ ภรรยาของท่าน คือ บุตรสาวของแม่เฒ่าเฉิน ที่ขายผักอยู่ด้านเหนือของเรือนแรมแห่งนี้ ”

สิบสี่ปีให้หลัง เหวยกู้ได้กลับมารับตำแหน่งขุนนางยศเซียงโจวชันจวิน และผู้ตรวจการหวังไท่ได้จัดการแต่งบุตรสาววัยสิบหกปีให้เขา เหวยกู้จึงคิดในใจว่า คำทำนายของชายประหลาดผู้นั้นเป็นเพียงคำคุยโตโอ้อวด เสกสรรปั้นแต่งขึ้นเพียงเท่านั้น แต่เมื่อหลังแต่งงานภรรยาบอกเขาว่า “ข้าเป็นหลานของผู้ตรวจการ บิดาที่แท้จริงตายเมื่อข้ายังเล็กตอนนั้นข้ายังแบเบาะ ทุกๆวันมารดาต้องขายผักหาเลี้ยงปากท้อง” เมื่อได้ยินเช่นนั้น เหวยกู้รีบถามว่า บิดานางเสียชีวิตที่ใด มารดาเป็นคนที่ไหน คำตอบคือ บิดาเสียชีวิตที่เมืองซ่งเฉิงและมารดาของนาง คือแม่เฒ่าเฉินแห่งเมืองซ่งเฉิง เหวยกู้ก็อดยิ้มไม่ได้ ห่างกันพันลี้ตัวเขาเองก็มีวาสนาด้ายแดงผูกไว้ หาได้หลุดพ้นจากด้ายแดงของชายประหลาดผู้นั้นแต่อย่างใดไม่

เมื่อเจ้าเมืองซึ่งเฉิงรู้เรื่องนี้เข้า จึงตั้งชื่อเรือนแรมแห่งนั้นว่า “ ติ้งฮุนเตี้ยน ” (ร้านหมั้นหมาย) นับแต่นั้นมาผู้คนจึงพากันเรียกชายชราที่ผูกด้ายแดงว่า “ผู้เฒ่าจันทรา” เรื่องราวของเหวยกู้เป็นที่รับรู้กันทั่ว ผู้คนจึงเริ่มหันมากราบไหว้เทพผู้เฒ่า แต่เนื่องจากไม่มีใครทราบชื่อแซ่ของเทพองค์นี้ จึงอาศัยเอาจากที่ครั้งแรกที่เหวยกู้ได้พบเทพองค์นี้ใต้แสงจันทร์ จึงขนานนามท่านว่า“ผู้เฒ่าใต้จันทรา（月下老人）”หรือเรียกสั้นๆ ว่า “ ผู้เฒ่าจันทรา （月老）” หนุ่มสาวที่เป็นโสด อยากพบคู่ครอง สมหวังในความรัก ต่างพากันกราบไหว้บูชาต่อท่านผู้เฒ่าจันทราองค์นี้ หน้ารูปปั้นของผู้เฒ่าจันทรามักมีด้ายแดงเอาไว้ให้หนุ่มสาวนำกลับไปบูชาเพื่อให้สมปรารถนา

ผู้เฒ่าจันทรา กับ เทศกาลไหว้ พระจันทร์

วันไหว้พระจันทร์นี้ นอกจากการไหว้พระจันทร์เพื่อขอบารมีแห่งองค์จันทราเทพ จันทราเทวี ให้ประทานความสงบร่มเย็น ความมั่งคั่งความอุดมสมบูรณ์แล้ว ในวันนี้หลายคนมักจะขอพรเรื่องของความรักกับเทพจันทราไปด้วย เพราะเป็นวันที่ตรงกับวันเกิดเทพของความรัก คือ “เทพเย่เหล่า” ที่ว่ากันว่าเป็นเทพที่นำด้ายแดงมาผูกคนสองคนให้ได้มาเจอกันนั่นเอง

ขอพรกับ “เทพเยว่ห์เหล่า” เสริมดวงเสริมเฮงได้ด้วย

นอกจากเรื่องขอพรความรักกับเทพเยว่ห์เหล่าแล้ว การไหว้พระจันทร์ประจำปี ยังช่วยเสริมดวงเสริมเฮงในเรื่องอื่นๆ ด้วย ได้แก่

เสริมความมั่งคั่งอุดมสมบูรณ์ :

เทศกาลนี้จะมีการเฉลิมฉลองกันในช่วงหลังเก็บเกี่ยวพืชผล และมีการทำขนมไหว้พระจันทร์มาใช้ในพิธีเซ่นไหว้ และนำแจกจ่ายให้กันและกัน จึงเป็นสัญลักษณ์ของความพร้อม ความสมบูรณ์ และความหวังอีกด้วย

เสริมความรักความสามัคคี :

นอกจากจะเป็นตัวแทนความสามัคคีจากตำนานขนมไหว้พระจันทร์ที่ถูกใช้เป็นขนมส่งสารในการสู้รบเพื่อกู้ชาติแล้ว วันไหว้พระจันทร์ยังเป็นวันที่ครอบครัวได้อยู่พร้อมหน้ากัน ชาวจีนจึงถือว่าพระจันทร์เป็นเสมือนตัวกลางที่ช่วยส่งผ่านความรักและความคิดถึงให้แก่คนในครอบครัว

เสริมดวงโชคลาภ การเงิน และความรัก :

ในทางโหราศาสตร์ ดวงจันทร์คือตัวแทนของเพศหญิง โชคลาภ และเสน่ห์เมตตา การไหว้พระจันทร์ในวันนี้จึงเป็นสิริมงคล และช่วยเสริมดวงในเรื่องความรักได้

วิธี “ไหว้พระจันทร์” ขอพรความรักและขอพรเสริมเฮง

ตั้งโต๊ะไหว้บนพื้นที่โล่งที่มองเห็นพระจันทร์ชัดเจน เช่น ลานหน้าบ้าน หรือดาดฟ้า
จัดเตรียมโต๊ะเพื่อตั้งของไหว้ ตกแต่งสถานที่ด้วยโคมไฟ
โดย “ของไหว้” ได้แก่ ขนมไหว้พระจันทร์ (จำนวนเลขคู่), น้ำสะอาด, ของที่เกี่ยวข้องกับความสวยงาม เช่น น้ำหอม ตลับแป้ง (ควรเป็นของใหม่), ดอกไม้สด, ผลไม้ 3-5 อย่าง, น้ำชา, ธูป 3-5 ดอก, เทียนแดง 1 คู่ หรืออาจจะมีกระดาษเงินกระดาษทองด้วยก็ได้
ต้องตั้งโต๊ะให้เสร็จเรียบร้อยก่อนหัวค่ำ และไหว้พร้อมเก็บของให้เสร็จก่อนพระจันทร์เลยตำแหน่งหัว
ให้เริ่มไหว้ตั้งแต่ช่วงหัวค่ำ โดยไหว้หันหน้าไปทางทิศตะวันออก อธิษฐานขอพรเรื่องความรัก ความมีเสน่ห์ การได้รับความเมตตา หน้าที่การงาน และโชคลาภ เมื่อธูปใกล้หมดให้ลาของไหว้มารับประทาน ส่วนน้ำสะอาดให้นำมาประพรมที่ตัวเพื่อความเป็นสิริมงคล

เรียกได้ว่าเรื่องของความเชื่อความศรัทธาเป็นเรื่องที่อยู่กับมนุษย์เรามาอย่างช้านานเลยที่เดียว ไม่ว่าจะภูมิภาคไหน ๆ เราก็ตต่างมีความเชื่อความศรัทธาที่ส่งต่อกันมาจากในอดีตกันทั้งนั้น ดังนั้น หากเป็นเรื่องที่ดีที่งามเราก็ควควรที่จะรักษาแลละสืบต่อกันไว้ แต่ถ้าหากไม่ เราก็ควรที่จะมีวิจารญาณในการรับสารต่าง ๆ ด้วย

และทั้งหมดนี้ ก็เป็นเพียงส่วนหนึ่งของเทศกาลที่น่าสนใจที่ มาสิ ได้หยิบเอามาฝากกัน โดยสำหรับใครที่ชื่นชอบ หรืออยากที่จะลองทำพิธีไหว้พระจันทร์ดูสักครั้ง ก็สามารถทำตามขั้นตอนที่ มาสิ เอามาฝากกันได้เลย ส่วนพรที่เราขอไปนั้น จะสำฤทธิ์ผลหรือไม่ก็ตาม แต่เพื่อความสบาย เราสามารถทำก่อนไว้ก็ไม่ได้เสียหายอะไรเช่นกัน

และในวันนี้ ไม่เพียงแค่สาระดี ๆ เทศกาลที่น่าสนใจที่ มาสิ ได้เอามาฝากกันเท่านั้น ในวันนี้ มาสิ เองยังได้หยิบเอาอีกหนึ่งบัตรเครดิต ดีๆ ที่สามารถตอบโจทย์ได้กับทุกไลฟ์สไตล์ ไม่ว่าจะกิน ช็อป เที่ยว จะเป็น บัตรเครดิต ใบไหนบ้างนั้น เราไปดูกัน

บัตรเครดิต KTC X VISA SIGNATURE

เหมาะกับ : ลูกค้าที่ชื่นชอบการสะสมคะแนน เพราะจะได้รับการสะสมคะแนนทุกครั้งที่ใช้จ่าย และยังนำคะแนนั้นไปแลกได้หลากหลาย และได้รับส่วนลดตั๋วเครื่องบินภายในประเทศ 5% และคุณยังได้รับประกันส่วนลดประกันเดินทาง 20% อีกด้วย

รายละเอียดบัตรเครดิต KTC X VISA SIGNATURE

กำหนดอายุ 20-60 ปี
รายได้ขั้นต่ำ 50,000 บาท
อนุมัติวงเงินสูงสุด 5 เท่าของรายได้

สิทธิ์สำหรับผู้ถือบัตรเครดิต KTC X VISA SIGNATURE

รับคะแนน KTC FOREVER x3 เมื่อใช้จ่ายผ่านบัตรฯ ครบทุก 300,000 บาท ในหมวดร้านอาหาร ช้อปปิ้ง ท่องเที่ยว ในประเทศไทย และการใช้จ่ายเป็นสกุลเงินต่างประเทศ
ห้องรับรอง Royal Silk Lounge 2 ครั้ง/ปี
รับส่วนลด 50% สำหรับการซื้อบัตรชมภาพยนตร์ VIP Seat 1 คู่ (2 ท่าน) ที่โรงภาพยนตร์ Major Cineplex
ได้รับส่วนลดตั๋วเครื่องบินภายในประเทศ 5% และคุณยังได้รับประกันส่วนลดประกันเดินทาง 20% และประกันเดินทางคุ้มครองสูงสุด 20 ล้านบาท
รับสิทธิพิเศษที่มากกว่า เมื่อชำระค่าธรรมเนียมรายปี 5,000 บาท
ดอกเบี้ย 16% ต่อปี

สนใจสมัครบัตรเครดิต KTC X VISA SIGNATURE

หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมสามารถโทรมาสอบถามรายละเอียดต่างๆ ได้ที่ 02 710 3100 หรือแอดไลน์ @masii ( มี @ ด้วยนะครับ ) เพื่อติดตามข่าวสารและบทความดีๆ ที่ มาสิบล็อก เกี่ยวกับ บัตรเครดิต บัตรเดบิต บัตรกดเงินสด สินเชื่อส่วนบุคคล สินเชื่อบ้านแลกเงิน สินเชื่อรถแลกเงิน และผลิตภัณฑ์ทางการเงินจากสถาบันการเงินชั้นนำทั่วประเทศ